Banner-Yamaha-Motorshow-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Motorshow-2024-400x300.gif

ทดสอบขับขี่ All New Honda CBR1000RR-R SP Fire Blade 2021

สำหรับ 2021 All-New Honda CBR1000RR-R รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง ที่เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยไปได้ไม่กี่วัน และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง AP.Honda ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ก็ได้จัดการทดสอบเจ้า Fireblde รุ่นล่าสุดที่สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์ และพวกเราทีมงาน Greatbiker.com ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกๆ ของประเทศไทยที่จะทดสอบมันอย่างเป็นทางการในสนามระดับโลก ซึ่งการขับขี่มันจะเป็นอย่างไรนั้นมาติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ

001 0075

ทำความรู้จักกับ 2021 All-New Honda CBR 1000RR-R

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับเจ้ารถคันนี้กันสักหน่อย All New CBR1000RR-R FIREBLADE ได้รับการถ่ายทอด DNA จากสุดยอดรถแข่งระดับโลกอย่าง Honda RC213V ภายใต้แนวคิด “Born to Race” มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 999 ซีซี หัวฉีด PGM-DSFI ระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่มีความใหม่ที่เหนือกว่าเดิม โดยเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงมานั้น ทำให้ตัวรถมีพละกำลังที่มากกว่าเดิมถึง 120% ไล่เรียงไปตั้งแต่ระบบดักอากาศ ผ่านช่องทาง Ram Air ส่วนหน้าใหม่ที่ถอดแบบและขนาดมาจาก RC213V และการออกแบบที่ปล่อยให้อากาศเข้าโดยตรงไปสู่เครื่องยนต์ เรือนเร่งที่มีการขยายขนาดให้กว้างกว่าเดิม กรองอากาศที่ใหญ่กว่าเดิม ฉะนั้นไอดีที่เดินทางผ่านทางนั้นจะมีการสูญเสียความเร็วที่น้อยที่สุด ทำให้อากาศสามารถเข้าไปสู่เครื่องยนต์ได้โดยตรง มุมของการวางหัวฉีดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพื่อให้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นสามารถเดินทางเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงก่ีเพิ่มระบบ Pistal Oil Jet ระบบฉัดน้ำมันหล่อลื่นที่ช่วยให้ระบบข้อเหวี่ยงต่างๆ ที่ลดแรงเสียดทานภายใน เพื่อเอื้อประโยชน์ในการใช้งานเครื่องยนต์ในรอบสูงๆ และไม่ทำให้ความเร็วในการหมุนของเครื่องยนต์ถูกทอนลงไปในทุกๆ ย่านความเร็ว กระบอกสูบและหัวลูกสูบมีการขยายตัวจากเดิม 5 มิลลิเมตร โดยมีการปรับช่วงชักให้สั้นลงไปเพื่อเพิ่มแรงบิดมีช่วงออกตัวและในรอบความเร็วเครื่องยนต์ที่ไม่สูงมากนัก ไล่ไปจนถึงระบบไอเสียใหม่ จึงทำให้ตัวรถนั้นมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างชัดเจน
001 0752
Riding Position ที่เปลี่ยนไป
แน่นอนว่ารูปแบบหน้าตาของเจ้า CBR1000RR-R นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ถังน้ำมันใหม่ที่ปรับขนาดให้เตี้ยกว่าเดิม ทำให้การหมอบเก็บคอในยามขับขี่ด้วยความเร็วสูงทำได้ดีมากขึ้น ตำแหน่งของแฮนด์แบบจับโซ้คใหม่ที่มีตำแหน่งการ Offset ที่น้อยกว่าเดิมทำให้ได้ท่าทางในการขับขี่ที่เปลี่ยนไป พักเท้าที่ปรับให้เยื้องหลังและมีตำแหน่งที่สูงขึ้น ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น โดยที่จุดศูนย์ถ่วงนั้นจะอยู่บริเวณใต้ท้องเครื่อง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถพลิกรถได้ง่ายกว่าเดิม ซิลก์หน้าปรับองศาให้เอียงกว่าเดิม 10 องศารีดอากาศที่ปะทะได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผล TFT ใหม่เองก็มีส่วนช่วยผู้ขับขี่ โดยที่หน้าจอนั้นสามารถแสดงข้อมูลตัวรถได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความเร็วตัวรถ ความเร็วเครื่องยนต์ หรือระดับของระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อีกทั้งหน้าจอยังปรับเปลี่ยนรูปแบบ Layout มากถึง 5 รูปแบบตามความถนัดของผู้ขับขี่ ระบบกุญแจแบบ Keyless
001 0898
สัมผัสแรกของ All-New Honda CBR1000RR-R SP
ก่อนอื่นต้องบอกว่าทางทีมงาน GreatBiker เองได้ทดสอบเจ้า CBR1000RRR-R รุ่น SP ทั้งสอง Section ในการทดสอบ โดยที่ตัวรถนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของอุปกรณ์จากรุ่นมาตรฐานในส่วนของระบบช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นโซ้คอัพไฟฟ้าจาก Ohlins และระบบเบรกจาก Brembo และตัวช่วยชั้นดีอย่างระบบ Qickshifter ที่ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว โดยที่ส่วนอื่นๆ นั้นไม่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานไปเลยแม้แต่น้อย การขึ้นคร่อมมันครั้งแรกนั้น เปลี่ยนแปลงภาพจำของ Fireblade ที่เราคุ้นเคยไปแทบจะทุกอย่าง ตำแหน่งของพักเท้าที่เปลี่ยนใหม่นั้นทำให้ได้ท่าทางการขับขี่ที่ดีขึ้น ตำแหน่งแฮนด์ที่ก้มต่ำกว่าเดิม ถึงน้ำมันใหม่ที่มีรูปทรงที่รองรับการก้มหมอบ และเมื่อเราได้สตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้นแหละ เสียงที่คำรามของมันก็กระตุ้นเราให้อยากลงไปขับขี่มันในสนามเป็นอย่างมาก
001 0778
ออกตัวไปกับ All-New Honda CBR1000RR-R SP
จังหวะออกตัวนั้นเครื่องยนต์ทำงานได้เป็นอย่างดี มีแรงกระชากและพละกำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการปรับอัตราทดเกียร์ในช่วงเกียร์ 1 – 2 ใหม่ที่ทำให้เราสามารถลากเกียร์ได้มากขึ้น ให้อารมณ์การขับขี่ที่เหมือนกับรถแข่งในสนาม และยังช่วยให้เราสามารถจัดการกับรอบเครื่องยนต์ได้มากขึ้นในช่วงการออกตัว จากน้ำหนักตัวโดยรวมที่มากขึ้นถึง 6 กิโลกรัมนั้น ไม่เป็นผลอะไรกับตัวรถเลยแม้แต่น้อย เมื่อรถวิ่งออกไปน้ำหนักตัวของรถนั้นเหมือนจะหายไปดื้อๆ มันเบามากๆ พลิกซ้ายขวา ได้ง่ายมากๆ ก่ีควบคุมตัวรถสามารถทำได้อย่างง่ายดาย พละกำลังของตัวรถนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล เปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวรถที่คุ้นเคยไปอย่างไม่เหลือโครงเดิม แต่ตัวรถยังคงขี่ง่ายตามสไตล์ของรถมอเตอร์ไซค์จาก Honda แต่ในการขับขี่ที่ง่ายดายนั้นกับมีพละกำลังที่มากกว่าเดิมแฝงอยู่
D4S 7307
เครื่องยนต์และอัตราเร่ง
อย่างที่เราได้บอกไปว่าเครื่องยนต์นั้นมีการปรับปรุงใหม่หมดและเพิ่มประสิทธิภาพจากเดิมถึง 120% ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังที่มากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นที่ขายในประเทศไทยนั้นจะถูกตอนม้าไปกว่า 50 ตัว แต่มันก็ยังแรงและสามารถตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้อย่างเหลือๆ ในการทดสอบในสนามช้างฯ นั้นการใช้เกียร์สูงสุดของผู้ทดสอบอยู่ที่เพียง เกียร์ 5 เท่านั้นและได้ใช้มันเพียงช่วงเดียวคือทางตรงยาวจากโค้ง 1 ไปยังโค้ง 3 และยังต้องลดเกียร์ให้เหลือเพียงเกียร์ 1 ในการเข้าโค้ง 3 และ 12 ซึ่งมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ไม่อยากคิดเลยว่าการใช้งานถ้าเราได้วิ่งแบบเต็มกำลัง จนหมดคันเร่งจริงๆ แล้ว ความเร็วมันจะไหลไปได้ไกลขนาดไหน โดยผู้ทดสอบเองต้องบอกว่าใจเริ่มสนึกกับการทดสอบมันมากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ได้เปิดคันเร่ง แต่ก็ต้องยอมรับโดยตรงว่าการทดสอบในครั้งนี้เราไม่สามารถเปิดคันเร่งได้มากกว่า 70% เลย เพราะตัวรถมันมีกำลังและความสามารถที่เกินกว่ารูปแบบสนามจะรับได้
HRM7822
ช่วงล่างและการเข้าโค้ง
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เราได้ทดสอบตัว SP ที่เป็นเหมือนตัวท๊อปของคลาส โดยที่ระบบช่วงล่างนั้นเปลี่ยนไปเป็นของ Ohlins และ Brembo ที่แตกต่างไปจากรุ่นมาตรฐาน โดยที่ระบบช่วงล่างนั้นเรียกได้ว่าฉลาดแบบสุดๆ เพราะมันทำงานร่วมกับแกน IMU แบบ 6 แกน มีการปรับระยะตามความเร็วและการเอียงตัวในโค้งที่นุ่มนวล แต่ก็จะมีจังหวะดีเลย์แบบเศษเสี่ยงวินาทีในการปรับระดับ ซึ่งเมื่อเราปรับตัวให้คุ้นเคยได้มันก็ไม่กระทบกับการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเลยแม้แต่น้อย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเหลืออย่าง Traction Control เองก็ช่วยคำนวนความเร็วของล้อหลังให้สัมพันธ์กับล้อหน้า อาการสไลด์ของล้อหลังในโค้งแทบจะไม่มีให้เราได้รู้สึก อีกทั้งการเดินคันเร่งออกจากโค้งก็มีระบบ Wheelie Control ช่วยควบคุมการยกตัวจากแรงของคันเร่งทำให้เราสามารถขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น ระบบเบรกเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก การใช้เบรกหน้าอย่างหนักหลังจากวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าเดิม ไม่มีอาการหน้าจิกท้ายโด่ง เหมือนรุ่นที่ผ่านมา โดยที่ตัวรถนั้นจะกระจายแรงเบรกและจัดการผ่านแกน IMU เพื่อการปรับระดับของโซ้คอัพซึ่งจะทำให้ตัวรถกดลงทั้งคัน ไม่กดเฉพาะส่วนหน้าอีกต่อไป โดยที่ส่วนหนึ่งนั้นเป็นการช่วยเหลือจากอุปกรณ์ใหม่อย่าง Winglet หน้าที่นอกจากช่วยในการกดส่วนหน้าของตัวรถให้นิ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วแล้ว ยังช่วยรีดอากาศในยามที่เราเบรกหนักๆ และช่วยในการปรับกระแสอากาศในยามที่เราเข้าโค้ง และช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม
DSC1319
ภาพรวมของ All-New Honda CBR1000RR-R SP
นิยาทที่ว่า “Make In The Race” สำหรับ CBR รุ่นใหม่ ดูจะไม่ใช่คำนิยามที่ดูเกินตัวแต่อย่างใด มันถูกถ่ายทอดอะไรหลายๆ อย่างมาจาก RC213V และ RC213V-s อย่างเต็มรูปแบบ ตัวรถพร้อมสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน และยังเสริมความสามารถในการขับขี่บนท้องถนนสาธารณะ ที่มีอุปกรณ์และระบบที่ช่วยเหลือในด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม มันตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง และมีกิจกรรมยามว่างเป็นการขับขี่ในสนามแข่งขันแล้วล่ะก็ 2021 All-New Honda CBR1000RR-R SP เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก กับสนนราคา 1,119,000 บาท ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
001 0065
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณบริษัท A.P. Honda ที่ชวนพวกเราทีมงาน Greatbiker.com ในการทดสอบเจ้า 2021 All-New Honda CBR1000RR-R SP ในครั้งนี้ และเราจะมีการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์คันไหนต่อไป ต้องคอยติดตามกันให้ดี
DSC0289
Banner-Yamaha-Safe--Save-2024-400x300.jpeg