Jorge Lorenzo : ผู้รู้สึกอิสระหลังข้ามเส้นชัยที่บาเลนเซีย

“เจ้าอมยิ้ม” Jorge Lorenzo นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ เจ้าของแชมป์โลก 5 สมัยชาวสเปน ได้ประกาศอำลาตำแหน่งนักบิด MotoGP อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยจะใช้สนาม Circuit Ricardo Tormo เป็นสนามสุดท้ายในอาชีพนักแข่งรถบนเวทีระดับสูงสุด ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้สำเร็จหลังจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 13 และเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีม Repsol Honda ขึ้นครองแชมป์ประเภททีมสามสมัยติดต่อกัน

Jorge Lorenzo เจอปัญหาเรื้อรังจากอาการบาดเจ็บตั้งแต่สมัยที่ยังขับขี่ให้กับ Ducati ในฤดูกาล 2018 และเจ้าตัวย้ายเข้ามาร่วมทีม Repsol Honda ด้วยความคาดหวังที่ใหญ่ยิ่งจากบรรดาแฟนทีมและแฟนคลับของตัวเอง แต่ผลลัพทธ์ที่ออกมานั้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหายนะครั้งหนึ่งของทีม ที่เกือบจะเอาตัวไม่รอดในระดับสูงสุด ซึ่งตลอดเวลา 19 สนามที่ผ่านมานั้น “เจ้าอมยิ้ม” ทำผลงานได้ดีที่สุดคือการคว้า อันดับที่ 11 จากการแข่งที่สนาม Le Mans ประเทศฝรั่งเศส และทั้งฤดูกาลเก็บไปได้เพียง 28 คะแนนเท่านั้น แต่ 28 คะแนนี้ก็มีส่วนสำคัญที่พาทีม Repsol Honda ขึ้นครองแชมป์ประเภททีมโรงงานเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน ซึ่งต้องบอกว่าถึงแม้ว่าคะแนนส่วนใหญ่จะมาจากผลงานของ Marc Marquez ที่เก็บไปได้ 420 คะแนน แต่ถ้าหากจากส่วนของ Lorennzo และ Stefan Bradl ไป ทีมก็คงไม่ได้แชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครอง

Motorsport.com เว็บไซค์สายตรงมอเตอร์สปอร์ตได้สัมภาษณ์ “เจ้าอมยิ้ม” หลังจบการแข่งขันที่ Valencia ได้ใจความว่า “ผมรู้สึกดีมากๆ และรู้สึกถึงอิสระหลังจากข้ามเส้นชัยในการแข่งขันครั้งสุดท้าย ผมมีความสุขกับการแข่งรถเสมอ และมันจะเป็นอย่างงั้นตลอดไป ผมดีใจที่จะได้ไปทำอะไรอย่างอื่นที่ผมอยากทำ แต่ผมทำมันไม่ได้ในตอนที่ยังสวมหมวกนักแข่ง MotoGP อยู่ มีความเป็นไปได้ที่ผมจะใช้ชีวิตให้สนุกมากขึ้น”

ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นนั้น สภาพอากาศและสนามค่อนข้างไม่เป็นใจให้กับนักแข่ง โดยเฉพาะในวันแข่งจริงใน Moto3 ก็เกิดความวุ่นวายในรอบสุดท้าย ซึ่งส่งผลให้ Jorge Lorenzo นั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าที่ควร “ใช่ผมรู้สึกได้เลยว่ามันไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่” Jorge Lorenzo เผยกับ Motorsport.com “เมื่อวันเสาร์ผมจินตนาการถึงการแข่งรอบสุดท้ายในวันอาทิตย์ไม่ออกเลย ผมตั้งเป้าที่จะผ่อนคลายและไม่กดดันกับการลงสนามครั้งสุดท้ายของผม แต่คุณรู้มัน ไม่ตรงกันข้ามกันเลย”

“ผมกังวล และรู้สึกถึงแรงกดดัน เพราะผมไม่อยากมีปัญหาในจังหวะออกสตาร์ท ผมเห็นในระดับ Moto3 ที่ล้มกันกระจาย มันส่งผลให้ผมรู้สึกเครียด เพราะแทร็กเย็นและการยึดเกาะของยางก็เป็นปัญหาสำหรับผมมาโดยตลอด โอกาสที่ผมจะพลาดมีสูงมากแต่ผมไม่ต้องการที่จะผิดพลาดในการแข่งครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป และรู้สึกมีสมาธิมากขึ้นหลังผ่านไปได้ สามในสี่รอบการแข่งขัน แต่ผมยังรู้สึกได้ว่าผมช้าไป และการไปอย่างช้านี้จะทำให้อุณหภูมิของยางนั้นเย็นไวและการยึดเกาะที่เป็นปัญหาของผมก็จะกลับมา”

“ผมพยายามไปให้ไวขึ้น แต่ในทางปฎิบัติแล้วมันค่อนข้างยากเกินไป ผมตาม Tito Rabat อยู่ในช่วง 14-15 รอบ แต่ในช่วงท้ายๆ ผมต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ผมเลือกที่จะกดปุ่มเอาชีวิตรอดใน Survival Mode ของผมเองและเอาตัวรอดมาได้จากการแข่งขันสนามสุดท้ายนี้ ซึ่งมันเป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้กับทีม เราตั้งใจเพียงแค่ให้จบการแข่งขันเท่านั้น และเพื่อให้ผมซึมซับกับความสนุกครั้งสุดท้ายในฐานะของนักแข่ง MotoGP ผมต้องขอบคุณทีมงาน แฟนๆ ของผมและ แฟนๆ MotoGP ทุกคนที่เข้ามาในสนามในวันนี้ ผมรู้สึกประทับใจ และจะไม่มีวันลืมแฟนๆ ของผม” Jorge Loranzo กลั้นน้ำตาด้วยใบหน้าที่มีความสุขในตอนให้สัมภาษณ์

อย่างไรก็ดี Jorge Lorenzo นั้นจะถูกเสนอชื่อเข้าสู่ทำเนียบ Hall of Frame ของ Motogp ในช่วงต้นปีหน้า เพื่อบรรจุชื่อเป็นหนึ่งในตำนานนักแข่งที่ยอดเยี่ยมของ MotoGP ด้วยผลงานระหว่างปี 2002-2019 ลงสนามทั้งสิ้น 297 สนาม ชนะ 68 ครั้ง 152 โพเดียม 69 Pole และอีก 37 Faster Lap รวมคะแนนทั้งสิ้น 3,945 คะแนน ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีที่ลงทำการแข่งขัน “เจ้าอมยิ้ม” Jorge Lorenzo สร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตมากมาย และพวกเราต้องขอบคุณ ในฐานะของนักแข่งที่เป็นตำนานอีกหนึ่งคนไว้ ณ ที่นี้

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorsport.com www.motogp.com

ปั้ม GreatBiker

Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.