Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

Royal Enfield เตรียมพร้อมปล่อยโมเดล Himalayan รุ่น BS-VI เร็วๆ นี้

2020 Royal Enfield Himalayan

นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบยกชุดสำหรับตลาดรถมอเตอร์ไซค์ของประเทศอินเดียหลังจากที่ทางรัฐบาลประกาศกฎข้อบังคับมาตรฐานไอเสียและความปลอดภัยใหม่ BS-VI ที่ทำให้ค่ายผู้ผลิตในประเทศต้องปรับปรุงตัวรถใหม่เพื่อการทำตลาดในปีนี้ และ Royal Enfiled เองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ปฎิบัติตามกฎข้อบังคับด้วยการปล่อยโมเดลตามมาตรฐานใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนล่าสุดกับการเตรียมตัวที่จะปล่อยโมเดล เรโทร-แอดแวนเจอร์อย่างเจ้า Himalayan ออกมาในที่สุด

2019 Royal Enfield Himalayan

2020 Royal Enfield Himalayan รุ่น BS-VI นั้นรูปแบบภายนอกนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากโมเดลเดิม โดยยังคงรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์เรโทร-แอดแวนเเจอร์ ล้อซี่ลวด ขนาดไม่เท่ากัน โดยวงล้อหน้าจะมีขนาด 21 นิ้ว วงล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ในส่วนของขุมกำลังนั้นจะยังคงใช้ขุมกำลังเดิมที่ผ่านมาตรฐาน BS-VI ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 411 ซีซี 1 ลูกสูบระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้พละกำลังสูงสุด 24.5 แรงม้า (BHP) ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 32 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที

2020 Royal Enfield Himalayan

สำหรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ของ 2020 Himalayan รุ่น BS-VI นั้นจะเพิ่มระบบเบรก ABS ที่สามารถเปิดและปิดการทำงานได้ เพิ่มระบบไฟขอทางหรือ Hazard Light และแผงหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่น่าจะปรับจากแบบอนาล็อกเข็มนาฬิกา มาใช้แบบผสมกับดิจิตอล LCD และยังมีการอัพเดทชุดสีใหม่ โดยไม่ได้ยกชุดอ้างอิงมาจากการเปิดโมเดลที่งาน EICMA Show 2019 ที่ผ่านมา

Royal Enfield Himalayan มุมเฉียง

ชุดสีใหม่ของ 2020 Himalayan นั้นจะประกอบไปด้วยชุดสี Duo Tone Red-Black, Gravel Black และสี Lake Blue โดยจะมีชุดสีพื้นที่จะสีแบบสีเดียวบนตัวแฟร์ริ่ง จะประกอบไปด้วยสามชุดสี Granite (lufe) Snow (สีขาว) และสี Sleet (ลายพรางทหาร) แต่สำหรับ 2020 Himalayan รุ่น BS-VI นั้น บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ RE อินเดีย กลับพบว่ามีเพียงสีดำเท่านั้นที่เป็นสีใหม่และพึ่งจะอัพเดทเข้ามาหลังเริ่มต้นปี 2020 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน


Video Promo 2020 Royal Enfield Himalayan BS-VI

Royal Enfield Himalayan ด้านข้าง

สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้นมีความเป็นไปได้ที่การอัพเกรดครั้งนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาดในประเทศไทย เพราะนอกจากจะไม่ได้ลดสมรรถนะของตัวรถให้น้อยลงตามกฎระเบียบข้อบังคับเหมือนเจ้าอื่นๆ แต่ตัวรถได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมสมรรถนะเข้าไป และดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้บริโภคบ้านเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากทาง RE ประเทศไทยนำเอาโมเดลนี้เข้ามาทำตลาดในบ้านเราจริง เรื่องของราคาก็น่าจะมีการปรับขึ้นจากเดิมเล็กน้อย เพิ่มจากเดิมประมาณ 7,000-10,000 บาทโดยประมาณ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rushlane.com