สรุปการเปลี่ยนแปลงระเบียบครั้งใหม่ของ MotoGP 2027
ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ และเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสาตร์การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ที่จะเกิดขึ้นในฤดูกาล 2027 เป็นต้นไป โดยพวกเราทีมงาน Greatbiker จะขอเอามาสรุปให้เพื่อน ได้ทำความเข้าใจกันอย่างง่ายๆ กันครับ
โดยระเบียบข้อบังคับใหม่นี้ ได้ข้อสรุปจากคณะกรรมการกรังด์ปรีซ์ของ MotoGP เมื่อวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ หลายประการ โดยมีไฮไลท์สำคัญ คือการเปลี่ยนขนาดความจุของเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งเดิมทีจะอนุญาตให้สามารถใช้งานเครื่องยนต์รูปแบบใดก็ได้ ที่จะต้องมีความจุไม่เกิน 1,000 ซีซี โดยข้อบังคับใหม่จะเปลี่ยนแปลงความจุเป็น 850 ซีซี ซึ่งในภาพรวมแล้ว ข้อเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงขนาดเครื่องยนต์นั้น มีการผลักดันมาตั้งแต่ปี 2007 เพื่อต้องการปรับปรุงในด้านความปลอดภัยของนักแข่ง
โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ยังเป็นการแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ 2 จังหวะนั้น จะมีข้อบังคับให้ทีมแข่งจะต้องใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุไม่เกิน 500 ซีซี จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค MotoGP ที่เลือกใช้งานเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ในปี 2002 ก็มีการจำกัดขนาดเครื่องยนต์ที่ 990 ซีซี และลดลงมาอยู่ที่ 800 ซีซี ในปี 2007 และขยับขึ้นไปเป็น 1,000 ซีซี ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน และกำลังจะย้อนกลับไปเป็นขนาด 850 ซีซี ตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป
อีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือการลดจำนวนของอุปกรณ์ทางอากาศพลศาสตร์ การพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์กลายเป็นสมรภูมิสำคัญใน MotoGP ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแรงผลักดันนี้จะส่งผลเสียต่อการแข่งขันก็ตาม โดยรวมแล้วระเบียบใหม่จะเข้ามาควบคุมขนาดของอุปกรณ์ชิ้นนี้ โดยจะยังอนุญาตให้สามารถติดตั้งได้ที่ส่วนหน้าของตัวถัง ในขณะที่ชิ้นส่วนด้านหลังนั้นจะถูกจัดสรรให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวถังตัวรถไปโดยปริยาย แต่ทางผู้จัดยังคงอนุญาตให้บรรดาทีมแข่งสามารถอัปเกรดอุปกรณ์ทางอากาศพลศาสตร์ได้ 1 ครั้งต่อฤดูกาลภายใต้กฎข้อบังคับใหม่ ในส่วนของอุปกรณ์ควบคุมความสูงของตัวรถในระหว่างการขับขี่ รวมไปถึงอุปกรณ์ Holeshot Devices ทั้งหมดจะถูกแบนจากการแข่งขัน
ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ นั้น จำนวนเครื่องยนต์ของแต่ล่ะทีมที่สามารถใช้งานได้ จะถูกกำหนดตามปฎิทินการแข่งขัน โดยจะมีการลดจำนวนลง โดยกรอบแล้ว การแข่งขัน 20 สนามต่อฤดูกาลจะสามารถใช้งานเครื่องยนต์ได้ 7 เครื่อง จะลดลงมาเหลือ 6 เครื่อง ในขณะที่หากมีการแข่งขัน 21 หรือ 22 สนามตลอดทั้งฤดูกาล จะลดเครื่องยนต์จาก 9 เหลือเพียง 7 เครื่อง ส่วนของน้ำหนักตัวรถขั้นต่ำ จะถูกลดลงมาเหลือ 153 กิโลกรัม จากเดิมที่อนุญาตให้ 157 กิโลกรัม ในขณะที่ความจุถังเชื้อเพลิงจะลดความจุสูงสุดจาก 22 ลิตรเหลือ 20 ลิตร ในขณะที่การเติมเชื้อเพลิงต่ำจะเปลี่ยนเป็น 11 ลิตร จากเดิม 12 ลิตร
ในส่วนของทีมแข่งนั้น ผู้ผลิตทุกรายที่แข่งขันในปี 2026 จะเริ่มรอบการควบคุมใหม่ในฐานะแบรนด์อันดับ B ซึ่งจะหมายความว่า ผู้ผลิตในปี 2026 ทั้งหมดจะเริ่มต้นปี 2027 ด้วยการหยุดการพัฒนาเครื่องยนต์ โดยจะอนุญาตให้ใช้ไวด์การ์ดได้ 3 รายการต่อฤดูกาล ไม่มีการทดสอบในฤดูกาลสำหรับนักแข่ง และจำนวนยางสำหรับการทดสอบจะถูกจำกัดที่ 190 เส้น (รวมทุกคอมพาวด์)
ในส่วนของผู้ผลิตรายใหม่ที่เข้าร่วมในปี 2027 เป็นครั้งแรก จะเริ่มต้นด้วยอันดับ D ซึ่งอนุญาตให้มีการพัฒนาเครื่องยนต์และทดสอบกับนักแข่งได้อย่างอิสระ รวมถึงสิทธิ์ไวด์การ์ด 6 ครั้ง และยางสำหรับการทดสอบ 260 เส้น โดยการประเมินคะแนนของผู้ผลิตใหม่ จะเริ่มปรับเกรดในช่วงกลางฤดูกาล นั้นหมายความว่า หากผู้ผลิตรายใหม่ สามารถขึ้นโพเดียม ในอันดับที่ 1 จะมี 3 คะแนน อันดับที่ 2 จะมี 2 คะแนน และอันดับที่ 3 จะได้ 1 คะแนน เมื่อสะสมครบ 6 คะแนนเมื่อไหร่ จะถูกปรับเกรดให้เป็น ทีมผู้ผลิตระดับ B และต้องอยู่ภายใต้ระเบียบโดยอัตโนมัติ
การยกเครื่องครั้งใหญ่ของ MotoGP จะเป็นบานประตูสู่ความสำเร็จของผู้ผลิตที่อาจจะถูกมองว่าเป็นรอง เหมือนในอดีต การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในปี 2016 ที่มีการนำเอาระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเข้ามา เพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้ผลิตญี่ปุ่นที่กวาดชัยชนะที่เหนือกว่าผู้ผลิตจากฝั่งยุโรปแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งการเข้ามาแทรกแซงของระบบอิเบ็กทรอนิกส์นี้เองเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จของ Ducati และยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าปัจจุบันผู้ผลิตจากฝั่งยุโรปสามารถกลับมาเอาชนะผู้ผลิตจากญี่ปุ่นได้อย่างราบคาบ และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในปี 2027 นี้ จะส่งผลในทำนองนี้หรือไม่ และจะมีผู้ผลิตหน้าใหม่เข้ามาสมทบเพิ่มเติม อย่างที่ BMW กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com www.motorsport.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.