Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

MV Agusta เตรียมเปิดตัวรถ Superbike สายพันธ์ใหม่ “F4 Hybrid” ในปี 2019 นี้

f4

อย่างที่เราทราบกันดีกว่าทางค่าย MV Agusta นั้นเป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับไฮเอนด์ ที่ผลิตรถแบบทำมืออันเป็นเอกลักษณ์ จนหลายต่อหลายคนขนานนามให้ว่า ศิลปะบนท้องถนน และหนึ่งในรุ่นที่ถือว่าเป็นเรือธงของทางค่ายนั้นก็คือรุ่น F4 รถแนวสปอร์ตแฟร์ริ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในท้องตลาด และแล้วตอนนี้ก็กำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของโมเดลนี้

โดยในโมเดลปัจจุบันนั้น ลองมาดูไฮไลท์เด่นๆ ของ MV Agusta F4 กันก่อน อย่างแรกเลยก็คือการออกแบบตัวรถที่ได้ตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือแอร์โรได้นามิก อย่างเต็มรูปแบบ เวลาที่เราจะบิดทำความเร็วนั้นแทบจะไม่ต้องกังวลในเรื่องของลมที่ต้านตัวรถเลย รวมไปถึงเครื่องยนต์ของตัวรถที่ปรับแต่งมาให้รีดพละกำลังออกมาได้อย่างจัดจ้านในช่วงความเร็วกลางถึงปลาย ตามสไตล์ของรถแข่งในสนามนั่นเอง ที่สำคัญการคอนโทรลรถนั้นก็ถือว่าทางค่ายไม่ได้ละเลยตรงนี้ ออกแบบมาให้มีการควบคุมตัวรถที่คล่องแคล่วและแม่นยำในโค้งมากๆ ด้วยการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เวลาเราแบนโค้งมาให้ด้วย เพื่อให้ได้องศาที่เหมาะสมมากที่สุด รวมไปถึงท่านั่งในการขับขี่ที่ออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ตเต็มตัว คันเร่งเป็นแบบไฟฟ้าหรือ Ride-By-Wire โช๊คอัพนั้นเป็นของ Öhlins แบบอิเล็คทรอนิก ส่วนสเตอร์ริงแดมป์เปอร์นั้นเป็น GP-spec แบบไทเทเนี่ยม ดูกันไปคร่าวตรงนี้ก็น่าจะพอเข้าใจกันแล้วว่าทำไมเจ้าโมเดลคันนี้มันน่าสนใจเอามากๆ

2016-MV-Agusta-F4RR1-small

MV Agusta F4 เวอร์ชั่นปัจจุบัน

ด้านเครื่องยนต์นั้นมีขนาด 998cc 4 สูบ 4 จังหวะ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลังอัดมาที่ 13.4:1 สตาร์ทไฟฟ้า ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 79 mm x 50.9 mm ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 201 ตัวที่ 13,600 รอบต่อนาที และทอร์คนั้นให้มาสูงสุดที่ 111 Nm ที่ 9,600 รอบต่อนาที ตรงนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตัวรถนั้นเน้นการทำความเร็วปลายที่ทรงพลังเป็นหลัก การระบายความร้อนนั้นเป็นแบบหม้อน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดไฟฟ้า ในส่วนของออพชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจนั้นก็จะมีในเรื่องของ Traction Control ที่สามารถปรับได้ถึง 8 ระดับ, เซ็นเซอร์ช่วยวัดในตอนแบนโค้ง, Torque control ที่จะช่วยควบคุมแรงบิด รวมไปถึงโหมดในการขับขี่ที่สามารถเลือกได้หลากหลาย ทั้งเลือกเอง หรือจะตั้งแบบอัตโนมัติตามสภาพท้องถนนหรือดินฟ้าอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะช่วยให้การขี่นั้นออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด คัลทช์นั้นเป็นแบบเปียก multi-disc ขับเคลื่อนด้วยเกียร์แมนนวล 6 สปีด จากข้อมูลการเทสท์บนไดโนนั้น เจ้า F4 คันนี้สามารถทำ TOP SPEED ได้สูงสุดที่ประมาณ 300 กม./ชม.

MV Agusta F4 LH44 smokey burnout

MV Agusta F4 เวอร์ชั่น LH44 : Lewis Hamilton รุ่นพิเศษ

อย่างไรก็ตามอย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นว่า F4 นั้นกำลังจะมาถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นก็คือทางค่ายเองนั้นมีแพลนที่จะทำโมเดลนี้เป็นรถแบบ Hybrid หรือว่าการผสมผสานพลังงานเครื่องยนต์และไฟฟ้า สำหรับในปี 2019 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการเปิดตัวในช่วงกลางถึงปลายปี และวางขายกันจริงในปี 2020 นั่นเอง ซึ่งจะต้องนับว่าเป็นรถในคลาสนี้คันแรกจากทางค่าย MV Agusta ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานแบบไฮบริด ซึ่งสเปกต่างๆ ของตัวรถนั้นน่าจะไม่แตกต่างจากตัวปัจจุบันไปมากนัก (ตามรายละเอียดที่ให้ไว้ด้านบน) เว้นแต่จะมีระบบพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง และรูปร่างของตัวรถที่เป็นการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน และไม่แน่ว่าในอนาคตทางค่ายเองอาจจะเลือกใช้พลังงาน Hybrid นี้กับโมเดลอื่นๆ ของทางค่ายด้วย จากนี้ไปเชื่อว่าจะมีข่าวของโมเดลนี้ออกมาให้เราได้เห็นกันเรื่อยๆ รอติดตามกันได้ทาง GreatBiker เช่นเคย

ขอบคุณภาพจาก young-machine.com www.ultimatemotorcycling.com