Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

10 สุดยอดรถมอเตอร์ไซค์แนวทาง Super Naked / Hyper Naked แห่งปี 2021

blank

เริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติกันแล้ว (ในบางประเทศที่ไม่ใช่ประเทศไทย) หลังจากการระบาดหนักของ COVID-19 ที่การกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ทำให้เศรษฐกิจในบางประเทศเริ่มฟื้นตัวหลังจากอยู่ในสถาวะทรงและทรุดมาตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สื่อต่างประเทศกำลังมองว่าจะเป็นแนวทางหลักในอนาคตสำหรับโลกมอเตอร์ไซค์ หรือเอาแบบที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “น่าจะขายดี” ที่สุดก็คือแนวทางของ Naled และ Hyper Naked โดยในช่วงปี 2020-2021 ที่ผ่านมา มีหลากหลายผู้ผลิตตัดสินใจส่งรถโมเดลใหม่บนแนวทางนี้ออกมาอย่างมากมาย และมันก็มีหลายโมเดลที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในตลาดปัจจุบัน

a25519419893d61aab5ff9ec5d2bd134.jpg

Ducati Monster 1200S
โมเดลน้องเล็กสุดของ Monster 1200 โดยเป็นการนำเอาโมเดลรุ่นมาตรฐานมาจัดอุปกรณ์ใหม่ อาจจะไม่แนมเท่ากับพี่ใหญ่ Monter 1200R แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่น่าพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังแบบ V-Twin Testastretta 11° ขนาด 1,198 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า (HP) พร้อมกับช่วงล่างแบบ pukka Ohlins บวกกับโหมดการขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้สามโหมด ระบบควบคุมการลื่นไถลและระบบเบรก ABS ถึงแม้ว่าจะไม่แรงเท่ากับรุ่นพี่แถมยังมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าจะเป็นแรงจูงใจกับผู้บริโภคก็คือเรื่องของราคา โดยราคาของเจ้า Monster 1200S นั้นจะอยู่ที่ 14,895 ปอนด์ หรือประมาณ 672,985 บาท โดยราคานี้จะเป็นการวางจำหน่ายในประเทศอังกฤษส่วนประเทศไทยยังไม่มีการนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ตอนนี้

f7f177e1889e0b1ec6f25841041e7671.jpg

Yamaha MT-10 SP
ร่างเปลือยของ YZF-R1 ที่มาพร้อมเอกลักษณ์เครื่องยนต์ CP4 ขนาด 999 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง โดยโมเดลล่าสุดถึงแม้ว่าจะมีการอัพเดทตั้งแต่ปี 2016 แต่ก็ยังจัดว่าใช้เทคโนโลยีที่เป็นขั้นสุดจากทางค่ายส้อมเสียง โดยเครื่องยนต์สามารถรีดกำลังได้มากถึง 158 แรงม้า (BHP) และยังคงโทนเสียงการทำงานการจุดระเบิดแบบไม่สม่ำเสมอเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร พร้อมกับการให้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนหน้าแบบปรับไฟฟ้า Semi-Active (ในรุ่นมาตรฐานจะเป็นแบบปรับได้ด้วยเครื่องมือ) แผงหน้าจอแสดงผลแบบ TFT โหมดการขับขี่ ระบบช่วยเหลืออิเล็กทรอนิกส์มากมาย และราคาของมันอยู่ที่ 629,000 บาท

6ef4fc75e268c6a3a60f302640c0e312.jpg

BMW S1000R
มาถึงตัวแรงจากค่ายใบพัดสีน้ำเงินกันบ้าง น่าเสียดายที่โมเดลใหม่ล่าสุดของรุ่นเนกเกตอย่าง S1000R จะไม่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ S1000RR ที่มีระบบ ShiftCam แต่ได้มีการปรับปรุงกลไกของเครื่องยนต์ใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 165 แรงม้า (HP) ที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 84 ib-Ft ที่ 9,250 รอบต่อนาที ซึ่งจะมีสัดส่วนของแรงบิดที่มากกว่ารุ่น RR ขณะนี้เกียร์ที่ 4, 5 และ 6 ใช้อัตราส่วนที่สูงขึ้น ช่วยให้ตัวรถสามารถบรรลุมาตรฐานด้านเสียงและการปล่อยมลพิษล่าสุด ในขณะที่ระบบ Assist&Slipper Clutch ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งชุด ที่มาพร้อมกับระบบ MSR หรือระบบควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์ และสามโหมดการขับขี่ โดยที่ผู้ซื้อแพ็กเกจเสริมอย่าง Premium Package จะได้รับโหมดการขับขี่ Dynamic Pro ที่กำหนดค่าได้อย่างสมบูรณ์ในการทำงานของระบบช่วยเหลือต่างๆ ส่วนค่าตัวจะอยู่ที่ 675,000 บาท

0f7a2a6bf76a64ec6ffe7013adebc4e4.jpg

Honda CB1000R
นับว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลในระดับ 1,000 ซีซี ที่ขี่ง่ายที่สุดในกลุ่ม สำหรับ Honda CB1000R ที่มาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 999 ซีซี 4 ลูกสูบเรียงแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ Honda CBR1000RR Fireblade รุ่นปี 2018-2019 ที่ปัจจุบันเดินหน้าสู่รุ่น CBR1000RR-R เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่เจ้า CB1000R นั้นจะมาพร้อมกับภาพลักษณ์บนแนวทางของ Neo Sport Cafe ไฟหน้ากลมให้อารมณ์ย้อนยุคแต่ทันสมัยด้วยอุปกรณ์ต่างๆ บนตัวรถไม่ว่าจะเป็นโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่จาก Showa ชุดสวิงอาร์มแบบ Single Side หน้าจอ TFT โหมดการขับขี่ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแกน IMU แบบ 5 แกนเป็นหัวใจหลัก สนนราคาอยู่ที่ 598,110 บาท

9b0e12ed463bd9b1746a1b9bab98b494.jpg

MV Agusta Brutale 1000 RR
แบรนด์สุด Exotic จากประเทศอิตาลี ที่นับว่าเป็นเสมือนงานศิลปะที่ติดล้อ โดยเจ้า MV Agusta Brutale 1000 RR นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นงานออกแบบที่สวยที่สุดคันหนึ่งของโลก โดยรุ่นใหม่ล่าสุดนั้นมีการปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5 เป็นที่เรียบร้อย โดยที่ตัวรถยังพกพากำลังที่มากถึง 160 แรงม้า (HP) และการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์บนตัวรถให้ทันกับยุคสมัยไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ระบบ Cornering ABS ใหม่ที่ทำงานร่วมกับแกน IMU ซึ่งใครคิดว่ายังแรงน้อยไปก็ยังมี Series ORO ที่มีชิ้นส่วนคาร์บอนช่วยลดน้ำหนักตัวรถ และการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ที่ทำให้กำลังสูงสุดพุ่งไปถึง 212 แรงม้า (HP) แต่มันก็มาพร้อมกับราคาที่ทะลุทะลวงไม่แพ้กับกำลังของมันเลยทีเดียว

864c7ea9359574d3a4c315006142421d.jpg

KTM 1290 Super Duke R
ปีศาจทางเรียบโดยแท้จริง สำหรับโมเดล KTM 1290 Super Duke R จากผู้ผลิตออสเตรีย โดยโมเดลนี้จักดว่าเป็นตัวเชื่อมรอยต่อระหว่าง Naked Bike และ Hyper Naked ได้อย่างลงตัว ด้วยขุมกำลัง 1,301 ซีซี แบบ V-Twin 75 องศา รีดกำลังสูงสุดได้ 180 แรงม้า ด้วยจำนวนรอบเพียง 9,500 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที ทำให้เจ้า Super Duke R คันนี้เปรียบเหมือนสัตว์ร้าย ที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้า โดยที่รุ่นใหม่สำหรับปี 2022 ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ทำให้เหมาะสมกับบุคคลิกการขับขี่ของแต่ล่ะคน โดยลดความก้าวร้าวของเครื่องยนต์ลงกว่าเดิม แต่ยังคงมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

2a8d69d2df2126c3111a8930537a1970.jpg

Aprilia Tuono V4 1100 Factory
จัดว่าเป็นรุ่นพิเศษที่เหนือกว่ารุ่นมาตรฐานไปพอสมควร หลังจากทำการอัพเดทเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดในปี 2015 และได้ทำการตัดสายการผลิตรุ่น 1,000 ซีซี ไปเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา โดยจะยังคงเหลือโมเดลตัวแรงสุด 1100 แต่สำหรับโมเดลปี 2022 รุ่นใหม่ล่าสุดจะถูกทอนกำลังลงไปด้วยมาตรฐานไอเสีย EURO5 แต่ตัวรถยังคงเป็นโมเดลในระดับ Super Naked ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีโมเดลที่เป็นขั้นสุดอย่าง 1100 Factory ที่ปลดปล่อยขีดจำกัดของเครื่องยนต์ภายใต้ระเบียบบังคับที่เข้มงวด

77d38f4ec888066c723f9f67d4c480e3.jpg

Ducati Streetfighter V4
โมเดลที่พกพาความสามารถของรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งมาครบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ V4 ขนาด 1,103 ซีซี ให้กำลังที่เหลือล้น 208 แรงม้า และน้ำหนักตัวเพียง 178 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยมากมาย ระบบ Quick Shifter ตัวควบคุมกำลังเบรกเครื่องยนต์ Traction Control, Wheellie Control และระบบ Cornering ABS และอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์หรือ Winglets ที่ช่วยเพิ่มแรงกดส่วนหน้าของตัวรถในยามที่วิ่งด้วยความเร็วสูง โดยโมเดลนี้ประการการขายในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2020 ด้วยสนนราคา 949,000 บาท

365a87a3b3b88ba1d25af8f7a1255eaf.jpg

Kawasaki Z H2
Hyper Naled ของแท้และเป็นหนึ่งเดียว ที่มีระบบ Super Charger หรือระบบอัดอากาศที่ช่วยบูตกำลังเครื่องยนต์ให้มีพละกำลังมีมากกว่าใคร โดยเครื่องยนต์ Super Charger ขนาด 999 ซีซี ถ้าไม่เปิดระบบจะมีกำลังที่มากถึง 197 แรงม้า (BHP) แต่เมื่อเปิดระบบอัดอากาศเข้าไปช่วยจะเพิ่มกำลังให้ทะลุ 200 แรงม้า++ พร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่ากระสุนทางเรียบด้วยความเร็วที่สามารถข้ามกำแพงความเร็ว 290+ กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในพริบตา สนนราคา 917,200 บาท

e1798fbdb515beeb0e50a7fdd7f2b258.jpg

Triumph Speed Triple RS
พี่ใหญ่สุดจากตระกูล Triple ที่มาพร้อมกับขุมกำลัง 1,200 ซีซี สามลูกสูบเรียง ให้กำลัง 180 แรงม้า (BHP) ที่จัดว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ KTM Super Duke R และอาจจะเทียบได้กับระดับท๊อปอย่าง Ducati Streetfighter V4 และ Kawasaki Z H2 แต่อย่าลืมว่าเจ้า Speed Tryple นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนใคร โดยสามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้ดีกว่าทั้งในช่วย ต้น และในรอบกลาง อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพในรอบเครื่องยนต์สูงๆไม่แพ้รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน แต่ก็น่าเสียดายที่ประเทศไทยยังไม่มีการนำเอาโมเดลนี้มาทำการตลาดอย่างเป็นทางการ และเราหวังว่าจะมีโมเดลนี้ในอนาคตอันใกล้

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com