Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

รีวิว CFMOTO 250NK รถสปอร์ตเนกเกตสเปกดี ราคาเบา

250b

หลังจากที่สร้างกระแสความฮือฮากันไปในช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา กับค่ายน้องใหม่ในไทยอย่าง CFMOTO ที่เปิดตัวรถถึง 4 รุ่นด้วยกัน และหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือรุ่น 250NK ที่ทาง GreatBiker จะมารีวิวกันในครั้งนี้ โดยถือว่าเป็นตัวเริ่มต้นของทางค่าย และวางขายกันเป็นโมเดลแรก ที่จะชิมลางการทำตลาดในประเทศไทยนั่นเอง

มารู้จักกับ CFMOTO 250NK กันก่อน

3rxgSV.jpg

สำหรับ CFMOTO 250NK นั้นถือว่าเป็นรถในแนวสปอร์ตเนกเกตที่มีดีไซน์ที่ทันสมัย ออกแนวโมเดิร์นอย่างเต็มตัว มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อยด้วยกันก็คือ รุ่น Standard และรุ่น ABS โดยเป็นการผลิตจากโรงงานในประเทศไทยของเรานี่เอง มาพร้อมกับความจุเครื่องยนต์ขนาด 249.2 cc 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ ให้ทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดมาอยู่ที่ 22 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที และให้แรงม้าสูงสุดมาอยู่ที่ 26.5 ตัว ที่ 9,000 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด EFI ของ Bosch จุดระเบิดด้วยระบบ ECU เกียร์ขับเคลื่อนแบบ 6 สปีด ซึ่งเครื่องยนต์ลูกนี้ก็เป็นบล็อกเดียวกันกับ KTM Duke 250 นั่นเอง ซึ่งจะต้องถือว่าทั้งสองค่ายนั้นเป็นพันธมิตรกันในการพัฒนาโมเดลต่างๆ

3rxZVN.jpg

มาต่อกันที่ในเรื่องของระบบช่วงล่าง ซึ่งเจ้า CFMOTO 250NK นั้นจัดเต็มมาด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิกหัวกลับ หรือที่เราเรียกกันอีกอย่างว่า Upside Down ส่วนด้านหลังเป็นแบบโมโนโช้กที่สามารถปรับความแข็งอ่อนของสปริงได้ โดยทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ตัวรถนั้นมีมิติขนาดกว้าง 1,990 มม. ยาว 780 มม. และสูง 1,070 มม. โดยมีความสูงจากพื้นถึงเบาะอยู่ที่ 795 มม. ระยะฐานล้อจะอยู่ที่ 1,360 มม. โดยที่น้ำหนักตัวรถแบบไม่รวมของเหลวจะอยู่ที่ 151 กก. ขนาดถังน้ำมันมีความจุมาให้อยู่ที่ 12.5 ลิตร ซึ่งถือว่าพอดีๆ กับรถในคลาสนี้ ขนาดของล้อนั้นจะเป็น 17 นิ้วทั้งหน้าและหลัง ส่วนระบบไฟจะเป็นแบบ LED และหน้าจอแสดงผลเป็นแบบ LCD ดิจิตอลเต็มรูปแบบ

จุดแตกต่างระหว่าง CFMOTO 250NK รุ่น Standard และ ABS

3rxiiQ.jpg

แน่นอนว่าอย่างแรกเลยก็คือในเรื่องของระบบเบรก โดยที่รุ่น Standard นั้นจะเป็นระบบเบรกเป็นดิสก์หน้าหลังแบบ Hydraulic Disc-Brake หน้าจอแสดงผลจะเป็นแบบจอ LCD ในรูปแบบดิจิตอล มีการบอกตำแหน่งเกียร์และรายละเอียดที่จำเป็นอย่างครบครัน โดยที่จะมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกอยู่ 2 โหมดด้วยกันก็คือโหมด Sport และ โหมด Economy โดยที่โหมด Sport นั้นจะเป็นการปล่อยพละกำลังของตัวรถอย่างเต็มที่ แต่โหมด Economy นั้นจะเน้นการจ่ายพลังงานที่ประหยัดมากกว่า

3rxOh1.jpg

ส่วนรุ่น ABS นั้นดิสก์หน้าและหลังจะเป็นแบบ Hydraulic Disc-Brake ทำงานร่วมกับระบบห้ามล้อล้อกฉุกเฉินหรือ ABS นั่นเอง และอีกส่วนที่มีความแตกต่างไปจากรุ่น Standard  ก็คือ หน้าจอแสดงผลจะมาเป็นหน้าจอแบบ TFT ขนาดใหญ่กว่ารุ่น Standard และมีระบบเซ็นเซอร์วัดแสง ที่จะปรับโทนสีของหน้าจอให้เป็นสีขาวหรือสีดำ ตามเวลาในกลางวันและกลางคืนนั่นเอง อีกส่วนที่มีความแตกต่างก็คือในเรื่องของโหมดการขับขี่ โดยที่รุ่น ABS นั้นจะมาใน 2 โหมดให้เลือกคือโหมด Sport ที่จะปลดปล่อยพละกำลังของตัวรถอย่างเต็มที่ และโหมด Rain ที่เอาไว้ขับขี่ยามที่ฝนตกหรือพื้นถนนลื่นๆ ไปด้วยน้ำนั่นเอง

ทดสอบขับขี่ CFMOTO 250NK

3rxxIn.jpg

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นที่สนามพีระเซอร์กิต โดยร่วมกับทางสื่อมวลชนหลายๆ สำนัก โดยที่แบ่งการทดสอบออกเป็นทั้งหมด 4 สเตชั่น และฟรีรันที่เราสามารถวิ่งทดสอบตัวรถกันได้อย่างเต็มที่ในสนาม ซึ่งในการทดสอบความคล่องตัวโดยการสลาล่อมผ่านกรวยที่ถูกตั้งไว้นั้น พบว่าตัวรถเองมีความคล่องตัวสูง ด้วยน้ำหนักที่เบา และจุดศูนย์ถ่วงที่ถูกรวมไปตรงกลางรถในแนวดิ่ง (สังเกตได้จากท่อแบบปลายสั้น) ก็ทำให้สามารถพลิกรถกันได้ไว และทำความคุ้นเคยได้แบบสบายๆ

3rxDiJ.jpg

ต่อมาในส่วนการทดสอบสำหรับการเข้าโค้ง ตัวรถเองนั้นอย่างที่เกริ่นไปว่ามีความคล่องตัวสูง และมีน้ำหนักที่เบา ทำให้การเข้าโค้งก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าด้วยช่วงฐานล้อที่อาจจะยาวไปสักนิด ทำให้การเข้าโค้งสำหรับการวิ่งในแทรคสนามแบบนี้ อาจจะรู้สึกว่าด้านหลังมีอาการย้วยๆ กันไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่ามากนัก และสำหรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน หรือท้องถนนทั่วๆ ไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับที่ติดรถมาให้นั้น ก็ถือว่ามีตอบสนองได้ดีสำหรับการขับขี่และการเข้าโค้ง สามารถลดแรงสะเทือนได้ดีกว่าปกติ อุปกรณ์ชิ้นนี้ถือว่าสอบผ่านสบายๆ

3rx2wa.jpg

ในส่วนของอัตราเร่งตัวรถนั้น พละกำลังในย่านความเร็วต้นถึงกลางถือว่าเหลือเฟือ ตามคาแรกเตอร์ของรถแบบ 1 สูบใน cc ขนาดนี้ จังหวะออกตัว จังหวะจะแซงนั้นก็ถือว่าบิดได้ขาดแบบไม่ต้องเค้นไม่ต้องลุ้น แต่แน่นอนในช่วงความเร็วปลายที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนของรถแบบสูบเดียวนั้น ก็ยังต้องเค้นกันอยู่ประมาณหนึ่ง ซึ่งอาจจะต้องอาศัยการเลี้ยงรอบให้ออกมาดีที่สุด ถึงจะไต่ความเร็วปลายได้ง่ายๆ ในขณะที่ระบบเบรกสำหรับรุ่นธรรมดานั้น ก็ถือว่ากะระยะได้ง่าย สามารถทำความคุ้นเคยกับช่วงของการเบรกได้เร็ว แต่กับส่วนของระบบ ABS นั้นอาจจะดูเหมือนว่าตอบสนองช้าไปนิดนึง ซึ่งก็คงจะต้องปรับให้ชินกับมันมากกว่านี้ ในการขับขี่จริงๆ

3rxqDW.jpg

ภาพรวมของ CFMOTO 250NK

สำหรับเจ้ารถสปอร์ตเนกเกตรุ่นนี้ ที่ถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของราคา อย่างรุ่น 250NK Standard นั้นอยู่ที่เพียง 87,500 บาทและรุ่น ABS นั้นอยู่ที่ 95,500 บาท เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ให้มา บวกกับงานประกอบและวัสดุของตัวรถนั้น ก็จะต้องบอกว่ามันเป็นรถที่ราคาต่ำกว่า 100,000 บาทในท้องตลาดบ้านเราที่คุ้มค่าเอามากๆ มันเหมาะสำหรับคนที่ต้องการขยับ cc จากรถเล็กมาในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการขับขี่ท่องเที่ยวในระยะกลางๆ ก็ถือว่าเหมาะสมเอามากๆ และทาง CFMOTO เองนั้นก็ได้มีแผนที่จะขยายศูนย์บริการให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้ทั่วประเทศ ดังนั้นเรื่องการบริการหลังการขายก็ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด และอย่างที่กล่าวไปว่ามันมีการประกอบกันที่ประเทศไทยของเราด้วย ที่โรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทรานี่เอง

สุดท้ายนี้จะต้องขอขอบคุณทาง CFMOTO ประเทศไทยที่ให้โอกาสทาง GreatBiker ได้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ อย่าลืมติดตามชมการรีวิวรถคันต่อๆ ไปจากทาง GreatBiker ได้ในโอกาสหน้านะครับ

ชมการรีวิว CFMOTO 250NK แบบ VDO ได้ที่นี่