Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

ตลาดรถสปอร์ต 4 สูบ จะลุกเป็นไฟ?! ลุ้น Kawasaki Ninja ZX-4R และ Honda CBR400RR

blank

ได้มีรายงานข่าวที่ค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่า ทางค่ายยักษ์เขียว Kawasai นั้น กำลังพัฒนารถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟริ่งรุ่นใหม่อย่าง All New Ninja ZX-4R แบบ 4 สูบเรียงรุ่นใหม่กันจริงๆ และเตรียมจะเปิดตัวกันในอีกไม่นานนี้ ซึ่งมีหลักฐานที่สำคัญก็คือการพบภาพในการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ทางฝั่งคู่แข่งอย่างค่ายปีกนก Honda เอง ก็มีกระแสข่าวลือว่า พวกเขาเตรียมจะแก้เกมนี้ด้วยการส่ง All New CBR400RR แบบ 4 สูบเรียงเข้าสู้

ทางค่าย Kawasaki เอง เรียกได้ว่ามีความชัดเจนเอามากๆ กับโปรเจคท์ All New Ninja ZX-4R แบบ 4 สูบเรียง ด้วยภาพสิทธิบัตรที่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งมีการเผยข้อมูลว่าภาพสิทธิบัตรนี้สามารถนำไปใช้กับรถที่มีเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 400cc ได้ (โดยไม่มีการกล่าวถึงรุ่น 250cc ในสิทธิบัตรนี้แต่อย่างใด) โดยประเด็นน่าสนใจของสิทธิบัตรนี้ก็คือ การออกแบบแฟริ่งที่จะมีท่อดักอากาศในตัว เพื่อนำอากาศเข้ามายังบริเวณรอบๆ หม้อน้ำและส่งตรงไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่จะมีเรดไลน์สูงมาก (เมื่อทียบกับเครื่องของ ZX-25R ที่มีเรดไลน์สูงถึง 17,000 รอบต่อนาที) ดังนั้นหลักการนี้จึงจะทำให้การระบายความร้อนของ ZX-4R นั้นทำได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องขยายขนาดหม้อน้ำแต่อย่างใด

และทางค่าย Honda นั้น แรกเริ่มเดิมทีกระแสข่าวลือถึงความเป็นไปได้ของ All New Honda CBR400RR นั้นมีมาตั้งแต่สมัยที่ Ninja ZX-25R เปิดตัวกันออกมาใหม่ๆ โดยมีการมองว่าทาง Honda เองจะเตรียมแก้เกมกับการนำเอาเครื่องยนต์ขนาด 399cc VTEC ของรุ่นซุปเปอร์โฟร์มาใช้และปรับให้มาความเป็นสปอร์ตมากขึ้น และเปิดตัวออกมาโดยมีขนาด cc ที่เยอะกว่าคู่แข่ง แต่พอล่าสุดที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ All New Ninja ZX-4R ออกมา เลยกลายเป็นว่าทาง Honda อาจจะต้องเตรียมต่อกรกับคู่แข่งถึง 2 คลาสด้วยกัน

fI2A1e.png

เพราะฉะนั้นแล้ว หากว่าจะมีการพัฒนา All New Honda CBR400RR กัน ก็คาดว่าเครื่องยนต์จะมาในพิกัด 399cc VTEC แบบ 4 สูบเรียง ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 56 PS ที่ 11,000 รอบต่อนาที และทอร์คอยู่ที่ 39 NM ที่ 9,500 รอบต่อนาที DOHC 4 จังหวะ ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และมีข่าวว่าทาง Honda เองกำลังจะปรับปรุงเครื่องยนต์ลูกนี้ให้ผ่านมาตรฐาน EURO 5 ด้วย นั่นหมายความว่าทั้งตัวเลขของแรงม้าและแรงบิดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้

มารอติดตามสถานการณ์ของทั้งสองค่ายกันต่อไป เชื่อว่ามันจะเป็นข้อได้เปรียบของทางผู้บริโภคในการเลือกซื้ออย่างแน่นอน เพราะจะมีตัวเลือกที่มีคุณภาพและความหลากหลายในท้องตลาดกันมากขึ้นหลังจากนี้ คาดว่าในปี 2022 ข้างหน้า จะมีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่านี้

Credit : young-machine.com