ทดสอบ Honda CBR250RR 2019 กับกิจกรรม Honda CBR250RR Premier Circuit Experience ณ สนามช้างฯ

จากคำเชิญของ AP.Honda ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Honda ในประเทศไทยให้ทาง GreatBiker ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมการทดสอบขับขี่ Honda CBR250RR MY2019 ที่สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์ มีหรือที่พวกเราจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไปได้ เราเลยมุ่งหน้าไปยังสนามเพื่อทำการทดสอบสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ Sport Replica  250 ซีซี ที่กำลังเป็นกระแสสุดๆ

กิจกรรม Honda CBR250RR Premier Circuit Experience ในครั้งนี้นอกจากสื่อมวลชมสายยานยนต์และมอเตอร์ไซค์แล้ว ยังมีการเชิญลูกค้าที่ได้ทำการจองรถ Honda CBR250RR ในงาน Bangkok Motor Show 2019 ที่ผ่านมา เพื่อมารับมอบกุญแจรถล็อตแรกและได้มีโอกาสในการสัมผัสกับประสบการณ์ที่น้อยคนจะได้รับในการเข้ามาขับขี่จริงในสนาม FIM เกรด A อย่างสนามช้างฯ หนึ่งในสนาม MotoGP รายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ

โดยก่อนการทดสอบนั้น คณะผู้บริหารจาก AP.Honda ได้กล่าวต้นรับและยังได้ 2 โค็ช กับอีก 2 นักแข่ง “ฟิลม์” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ และ “ครูแมน” กิตติ แจ่มสาคร พร้อมกับสองนักแข่งทีม AP.Honda Racing Thailand “บิว” วริทธ์ ทองนพคุณ และ “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อเฉวียง มาช่วยกันดูแลและสอนเทคนิคในการขับขี่ในสนามอย่างถูกวิธีให้กับสื่อมวลชนและบรรดาลูกค้าของ Honda ในงานนี้ด้วย

สัมผัสแรกกับ Honda CBR250RR

จะบอกว่าเป็นการสัมผัสครั้งแรกก็คงไม่ได้ เราพวกเราทีมงาน GreatBiker ได้เคยหยิบเอา CBR250RR คันนี้มาทำการรีวิวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในครั้งนี้นับว่าเป็นการสัมผัสที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะเราได้ใช้เวลากับมันในสนามแข่งระดับโลก การขับขี่ระหว่างท้องถนนกับสนามแข่งนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวรถ CBR250RR นั้นมีน้ำหนักตัวที่เบา สามารถทำให้การพลิกตัวเข้าโค้งแบบ S นั้นสามารถทำได้อย่างว่องไว แม่นยำ ตำแหน่งทางนั่งยิ่งเมื่ออยู่ในสนามที่ไม่ต้องผวงกับรถที่สัญจรไปมา ทำให้เราสามารถจัดท่านั่งแบบสปอร์ตได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้ได้เลยว่ามันเกิดมาเพื่อสนามแข่งอย่างแท้จริง ตำแหน่งของเบาะนั่งกับแฮนด์จับใต้แผงคอนั้นค่อนข้างที่จะบังคับให้เราหมอบต่ำ โน้มตัวไปข้างหน้าซึ่งมันเสริมกับหลัก Aero Dynamic ทำให้ช่วยลดแรงต้านจากลมเมื่อยามเราขับขี่ด้วยความเร็วสูง ความสูงเบาะนั่งไม่สูงและไม่เตี้ยจนเกินไป โดยผู้ขับขี่ส่วนสูงอยู่ที่ 170 เซนติเมตร เมื่อวางเท้าขวาบนเบรกหลังเท้าซ้ายสามารถลงพื้นได้เต็มฝ่าเท้า เมื่อลองวางเท้าทั้งสองข้างลงสู่พื้น ก็ยังถือว่ามีความมั่นคง เต็มครึ่งฝ่าเท้าหน้า เสริมความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี งานประกอบที่เป็นการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน ถือว่าเป็นชิ้นงานระดับท๊อป มีความประณีตสูง รอยเชื่อมของตัวโครงสร้างเรียบเนียน ไม่ปูดบวมจนเห็นได้ชัด รอยต่อของงานแฟร์ริ่งและโครงสร้างดูเนียนเป็นชิ้นเดียวกัน ช่วยยกระดับตัวรถให้ดูมีระดับมากขึ้นไปอีกขั้น

ออกตัวไปกับ Honda CBR250RR

ในช่วงแรกๆ ของการทดสอบนั้น ผู้ทดสอบได้ทดลองโหมดในการขับขี่ในโหมด Comfort หรือโหมดที่ทาง Honda เซ็ตมาให้เหมาะสมกับการใช้งานในท้องถนนสาธารณะ ที่อาจจะไม่ปลดปล่อยพละกำลังสูงสุดออกมา แต่รอบของเครื่องยนต์ยังจัดว่าเร้าใจอยู่ไม่น้อย แต่พอปรับไปเป็นโหมด Sport เหมือนกับการเปลี่ยนรถคันใหม่ อัตราการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าเร็วมากขึ้น สามารถไล่รอบได้อย่างรวดเร็วทันใจ ซึ่งโหมดนี้เหมาะสมอย่างมากกับการขับขี่ในสนามหรือการออกทริปในเส้นทางที่ต้องการใช้ความเร็วสูง ส่วนในโหมด Sport+ นั้นทางผู้ทดสอบพบว่ามีความใกล้เคียงกับโหมด Sport ซึ่งอาจจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายน้ำมันซึ่งจากการทดสอบพบว่า 2 โหมดที่ว่านี้ ยังไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนจนผู้ขับขี่รู้สึกได้ ไม่เหมือนกับโหมด Comfort และ Sport หรือ Sport+ ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

การควบคุม Honda CBR250RR

การควบคุมเจ้า CBR250RR นั้นทำได้อย่างง่ายได้ ด้วยความที่ตัวรถนั้นมีน้ำหนักที่เบา และการติดตั้งเบรกหน้าแบบดิสก์เดี่ยวขนาดใหญ่ถึง 310 มิลลิเมตรมาให้นั้น ทำให้สามารถชะลอรถและหยุดรถได้อย่างทันใจ ระบบคลัทซ์ที่มีระบบ Assist Clutch มาให้ ทำให้การกำคลัทซ์นั้นนุ่มนวล น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Slipper Clutch มาให้ แต่ด้วยความที่รอบเครื่องยนต์สูงการกดลดเกียร์ในแต่ล่ะครั้งนั้นหากทำอย่างถูกจังหวะการสะบัดของช่วงท้ายแทบจะไม่มีอาการให้เราได้รู้สึกกันเลย คันเกียร์ของ CBR250RR นั้นอาจจะไม่ได้นุ่มนวลแบบรถในท้องตลาดทั่วๆไป แต่ทางโรงงานเช็ตมาให้มีความแข็งอยู่ในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันการเผลอเหยียบหรือการวางเท้าผิดตำแหน่งจนไปโดยคันเกียร์ แต่ในความแข็งนี้ต้องบอกเลยว่าได้อารมณ์มากในการขับขี่ครับ

การเข้าโค้งของ Honda CBR250RR

ในสนามการแข่งขันแบบนี้ทางผู้ทดสอบ ก็ได้ทำการทดลองการเข้าโค้งทั้งแบบ Racing และแบบ On Road พบว่าระบบช่วงล่างของเจ้า CBR250RR นั้นให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่สูงมาก การทำงานของโช้คอัพหน้าไม่รู้สึกถึงอาการสะท้านแต่อย่างใด ระบบโช้คหลังแบบ Mono Shock พร้อมกับระบบ Pro Link ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมาก แข็งหรือย้วยจนเกินไป ในการทดสอบโช้คอัพหลังนั้นถูกตั้งค่าไว้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน โดยที่ไม่ได้ปรับระดับ ถึงแม้ว่าจะสามารถปรับได้ถึง 5 ระดับก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้กับผู้ขับขี่ในทุกๆ สรีระได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเร็วและรอบเครื่องยนต์ของ Honda CBR250RR

ด้วยระบบ RR แบบนี้รอบของเครื่องยนต์จะมาเพียง 9,000-10,000 รอบคงจะเป็นเรื่องที่แปลก โดยทางโรงงานเช็ตมาให้นั้นรอบเครื่องยนต์สูงสุดของ CBR250RR นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 14,000 รอบต่อนาที โดยมีรอบที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนเกียร์มากที่สุดคือ 12,250 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นไปตามอย่างที่รถแข่งในสนามควรจะเป็น แต่ทาง Honda เองก็ได้คิดและทำการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขับขี่ด้วยการติดตั้งไฟ Shift Up Light ที่ไม่ได้มีแค่ดวงเดียว แต่เป็นไฟแบบไล่ระดับจากน้อยไปมาก ทำให้ง่ายต่อการคาดเดาการเปลี่ยนเกียร์โดยที่ไม่ต้องมัวแต่ก้มมองหน้าจอวัดรอบเครื่องยนต์ โดยที่ในจังหวะการเปลี่ยนเกียร์นั้นรอบเครื่องยนต์ตกค่อนข้างช้า ทำให้การต่อเกียร์ในแต่เกียร์นั้นทำได้ง่ายมาก การต่อรอบเครื่องยนต์จึงสมบูรณ์และสามารถเรียกพละกำลังสูงสุดออกมาได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก โดยการทดสอบความเร็วสูงสุดจากโค้ง 1 ทางตรงยาวจนสุดโค้ง 3 ของสนามช้างฯ ผู้ทดสอบมีส่วนสูงอยู่ที่ 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 88 กิโลกรัม ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 171 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่เครื่องยนต์สามารถไปต่อได้อีก และผู้ทดสอบยกคันเร่งในระยะ 150 เมตรก่อนเตรียมตัวเพื่อเข้าโค้งขวา เชื่อว่าถ้าสนามยาวกว่านี้อีกสัก 300-500 เมตรน่าจะสามารถทะยานไปแตะความเร็วสูงสุดได้ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างแน่นอน

บทสรุปของ Honda CBR250RR

จากภาพรวมที่ทางทีมงาน GreatBiker ได้ทำการทดสอบเจ้า Honda CBR250RR ทั้งในรูปแบบของการขับขี่บนท้องถนนและบนสนามการแข่งขันแล้ว พบว่า CBR250RR คันนี้คือ Sport Replica ที่ชัดเจนในตัวเองมากที่สุดคันหนึ่ง มันโดดเด่นในเรื่องของเครื่องยนต์ที่มีอัตราความเร็วรอบสูง แรงม้าที่สามารถควบคุมได้ง่าย ตัวรถมีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีจุดเด่นในรอบๆ ด้าน แต่สิ่งที่ยังคงเป็นจุดสังเกตที่มือใหม่หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันเป็นปัญหา นั้นก็คือเรื่องของการเดินเครื่องยนต์ในรอบต่ำ และการต่อรอบเครื่องยนต์ ที่หากเป็นมือใหม่ที่ยังไม่ชินกับการต่อรอบเครื่องยนต์ที่ถูกจังหวะ อรรถรสในการขับขี่เจ้า CBR250RR คันนี้จะหายไปอย่างสิ้นเชิง

ส่งท้าย Honda CBR250RR

Honda CBR250RR โมเดลปี 2019 วางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยกัน 1 รุ่น นั่นก็คือรุ่น ABS มี 2 สี สีแดงและสีดำ ในราคา 249,000 บาท เพื่อนๆ ที่สนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลอัตราการผ่อนดาวน์ ก็สามารถไปขอรายละเอียดและข้อมูลได้ที่ศูนย์ Honda ทั่วประเทศ ตอนนี้ตัวรถพร้อมให้เพื่อนๆได้ไปเจอตัวเป็นๆ กันแล้วครับ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ AP.Honda ที่ได้เชิญชวนพวกเราทีมงาน GreatBiker ไปร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ แล้วคราวหน้าพวกเราจะไปร่วมทดสอบรถมอเตอร์ไซค์คันไหนก็สามารถติดตามกันได้ในโอกาสต่อไปครับ

ปั้ม GreatBiker

Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.