Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ใหม่ LiveWire One อย่างเป็นทางการ

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ใหม่ LiveWire One อย่างเป็นทางการ

หลังจากที่ประกาศแยกแบรนด์ LiveWire ให้เป็นแบรนด์สำหรับรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าล้วน ออกจากแบรนด์ Harley-Davidson ล่าสุดผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ชื่อ One ก็ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก พร้อมกับการประกาศราคาที่แสนเซอร์ไพร์สเป็นอย่างมาก

b7e0105e4ea8be27f58f0ebe3f248731.jpg

ก่อนอื่นเลยต้องขออธิบายให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจตรงกันสักหน่อย LiveWire One เป็นโมเดลใหม่ที่พัฒนาต่อจาก H-D LiveWire ที่เปิดตัวในปี 2019 โดยโมเดลใหม่ LiveWire One จะเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกภายใต้การดูแลของแบรนด์ LiveWire ที่แยกตัวออกมาจาก H-D เพื่อการพัฒนาและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ จึงทำให้เจ้า LiveWire กับ One นั้นมีความใกล้เคียงกัน ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตา และรายละเอียดต่าง โดยโมเดลใหม่ที่เปิดตัวล่าสุดนั้น จะมีรายละเอียดที่แตกต่างจากโมเดลแรกเล็กน้อย

ความแตกต่างของโมเดลระหว่าง LiveWire และ One ก็คือกำลังสูงสุด โดยเจ้าโมเดลใหม่ จะมีกำลังสูงสุดที่ 106 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 84 Ib-Ft เมื่อเทียบกับเจ้า LiveWire รุ่นเดิมจะมีกำลังสูงสุดที่ 105 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 86 Ib-Ft และความจุของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 14.4 kWh น้อยลงจากโมเดลเดิมที่มีความจุ 15.5 kWh

5b9630686f8828c9b52f9a87f01557a1.jpg

ในด้านประสิทธิภาพ LiveWire และ One มีประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากัน โดยโมเดลล่าสุด One นั้นจะมีระยะในการวิ่งที่ 146 ไมล์ หรือ 235 กิโลเมตร แบบวิ่งในเมือง และระยะทาง 96 ไมล์ หรือ 154.5 กิโลเมตร ด้วยการวิ่งแบบเต็มสปีดบนทางหลวง ซึ่งเท่ากับระยะทางเดิมที่ LiveWire ทำได้ เช่นเดียวกับระยะในการชาร์จไฟ ถ้าชาร์จบนระบบไฟ AC จะชาร์จได้ 13 ไมล์บนระยะการวิ่ง ต่อการชาร์จ 1 ชั่วโมง (ถ้าเป็นระบบชาร์จ AC Level2 จะชาร์จได้ 13.8 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเทียบเท่ากับว่าการชาร์จบนระบบ AC 0kd 0-100% จะกินระยะเวลา 12 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่ถ้าไปชาร์จบนระบบไฟแรงดันสูงแบบ DC จะใช้เวลาชาร์จที่สั้นกว่า โดยจาก 0-80% จะใช้เวลาเพียง 40 นาที และจาก 0-100% จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ในส่วนของตัวรถนั้น โครงสร้างหลักยังคงเหมือนเดิม โดยมีชุดโครงสร้างแบบ Aluminum cast frame ระบบช่วงล่างหน้าจากแบรนด์ Showa โดยจะเป็นแบบ SFF-BP (Front-Fork Big Piston) ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบ Balanced Free Rear Cushion-Lite suspension ระบบเบรก Brembo ทั้งหน้าหลัง โดยด้านหน้าจะมาพร้อมกับจานดิสก์เบรกแบบกึ่งลอยตัวคู่คาลิปเปอร์เบรกแบบ Monobloc 4 พอร์ต ด้านหลังจานดิสก์เบรกเดี่ยว คาลิปเปอร์เบรกแบบ 2 พอร์ต และยาง H-D Michelin Scorcher Sport ที่พัฒนาร่วมกันโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้เท่านั้น

50fd0cc8e53d4c1f8d56c866d4afa85e.jpg

ในส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะมาพร้อมกับระบบไฟ LED รอบคัน หน้าจอแสดงผลดิจิตอล TFT ขนาด 4.3 นิ้ว โหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก ระบบเบรก ABS และ Cornering ABS ที่ทำงานร่วมกับแกน IMU 6 แกน เช่นเดียวกับระบบ Traction Control และระบบป้องกันล้อหน้ายกตัว Wheelie Control ส่วนเองน้ำหนักตัวนั้นเจ้า One จะมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย 255 กิโลกรัม โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 4.2 กิโลกรัม

สำหรับปีใหม่ของ LiveWire One นั้นจะมีให้เลือกสองชุดสีประกอบด้วย Horizon White และ Liquid Black และราคาจำหน่ายของโมเดลใหม่จะอยู่ที่ $21,999 หรือประมาณ 719,148 บาท ลดลงจากเดิม $7,800 หรือราวๆ 254,904 บาท ซึ่งทางผู้ผลิตไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาของโมเดลลดลงจากเดิมมากขนาดนี้ แต่มีการประกาศจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกา และผ่านช่องทางออนไลน์ Livewire.com และจะทำการกระจายโมเดลไปสู่ระดับสากลผ่านตัวแทนจำหน่าย H-D ในปี 2022 และจะนำเอาตัวรถคันจริงไปโชว์ตัวในงาน International Motorcycle Show ที่จะจัดขึ้นที่เมือง Sonoma ในรัฐแคลิฟอเนีย ในวันที่ 18 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

bf115db60dff31c7586e9eee08413fb8.jpg

สำหรับประเทศไทยเองยังไม่มีการเปิดตัวเจ้า LiveWire รุ่นเก่าแต่อย่างใด แต่ก็น่าสนใจที่โมเดลใหม่อย่าง One จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหรือไม่ สาวก H-D เองก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorcycle.com