Banner-Yamaha-EXCITER-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-EXCITER-2024-400x300.gif

หลังจาก CBR250RR นำเข้าจากญี่ปุ่นมาขายไทยแล้ว CB400 Super Four ล่ะจะมีโอกาสมั้ย?

blank

จากที่ก่อนหน้านี้ทางเราไม่เคยเห็นทาง A.P. Honda นำเข้ารถจากญี่ปุ่นในคลาสที่ต่ำกว่า 650cc มาก่อนเลยในยุคนี้ เพราะส่วนมากจะเป็นการผลิตกันเองในบ้านเราเป็นหลัก แต่แล้วหลังจากที่มีการนำเข้า New CBR250RR กันไปสดๆ ร้อนๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งหนึ่งเหมือนกัน สำหรับวงการมอเตอร์ไซค์บ้านเรา และในตอนนี้ก็เริ่มมีเพื่อนๆ สอบถามกันเข้ามาเกี่ยวกับโมเดลอย่าง CB400 Super Four ว่าจะมีโอกาสนำเข้าจากญี่ปุ่นมาขายเหมือนกันหรือเปล่า?

แน่นอนถึงแม้ว่าเหล่าไบค์เกอร์รุ่นใหม่ๆ ในตอนนี้บางคนอาจจะไม่รู้จักกับเจ้า Honda CB400SF หรือที่บ้านเราเรียกกันจนติดปากว่า “ซุปเปอร์โฟร์” แต่ถ้าเป็นไบค์เกอร์ที่มีอายุประมาณหนึ่ง ก็ย่อมที่จะรู้จักกับมันเป็นอย่างดี และหลายคนก็ได้มีโอกาสครอบครอง ลองขี่ เป็นเจ้าของกันมาแล้ว ด้วยความที่มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบ 4 สูบเรียงที่โดดเด่นมากๆ ในสมัยรถอินวอยส์ครองเมืองเมื่ออดีตที่ผ่านมา และในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็มีหลายต่อหลายคนเรียกร้องให้มันมาวางขายกันในประเทศไทยแบบเป็นทางการเสียที เพราะทุกวันนี้ทางญี่ปุ่นก็ยังมีโมเดลใหม่ๆ ของเจ้า CB400SF ทำตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับ Honda Super Four หรือ CB400SF เวอร์ชั่นล่าสุดนั้น มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของไฟหน้าแบบ LED นั้นจะเป็น LED แบบ 4 x 4 EYES (4 ดวงแบบแยก 2 ดวงด้านบนและ 2 ดวงด้านล่าง) ซึ่งจะเป็นการแยกตำแหน่งของไฟสูงและไฟต่ำนั่นเอง โดยแน่นอนว่าระบบไฟแบบนี้นั้นจะถนอมอายุการใช้งานของไฟ LED ได้มากกว่าแบบปกติ รวมไปถึงสร้างรูปแบบการดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ซึ่งถือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2014 กันเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ยืนระยะด้วยสเปกแบบเดิมมาทุกปี

fI2l6P.png

โดยพื้นฐานของสเปคเครื่องยนต์แล้ว New Honda CB400SF 2018 คันนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 399.00 cc 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ให้แรงม้าอยู่ที่ 52 ตัว ที่ 10,500 รอบ ทอร์ค 38 Nm ที่ 9,500 รอบ กำลังอัดนั้นอยู่ที่ 11.3:1 ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 55.0 x 42.0 mm จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI อันเป็นเอกลักษณ์ของทางฮอนด้านั่นเอง ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด คลัทช์เปียก ระบายความร้อนด้วยน้ำ ท่อแบบสเตเลส สตีล ในส่วนของช่วงล่างนั้นใช้โช๊คอัพหน้าของ Showa ขนาด 41 mm แบบ เทเลสโคปิก สามารถปรับระยะพรีโหลดได้ ส่วนโช๊คอัพหลังนั้นเป็นแบบ twin remote ของ Showa ที่สามารถปรับระยะพรีโหลดได้เช่นกัน ยางหน้ามีขนาดอยู่ที่ 120/60 และยางหลัง 160/60 ส่วนระบบเบรกนั้นเป็นแบบดิสก์หน้าคู่ของขนาด 285 mm Nissin แบบ ไฮโดรลิกคาลิปเปอร์ 4 ลูก เบรกหลังเป็นแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 235 mm แบบไฮโดรลิกคาลิปเปอร์ 1 ลูก ของ Nissin เช่นเดียวกัน ถังน้ำมันจุ 18 ลิตร และน้ำหนักตัวแบบไม่รวมของเหลวจะอยู่ที่ 195 กก.

fI2A1e.png

สำหรับเจ้า CB400 Super Four นั้นถือว่าเป็นรถในแนวเนกเกตคลาสสิก ที่ฮิตกันมากๆ ในบ้านเรามาตั้งแต่ในสมัยก่อน เพราะว่ามันมีการนำชิ้นส่วนอะไหล่แต่ละชิ้นจากประเทศญี่ปุ่น มาประกอบเป็นคัน หรือที่เราเรียกว่ารถอินวอย, สพม. นั่นเอง ซึ่งบางคันก็สามารถจดทะเบียนกันได้ถูกต้อง ในสมัยนั้นตัวรถมันมีคาแรกเตอร์ที่เท่ที่หล่อกว่ารถตลาดทั่วไป ประกอบกับเสียงเพราะๆ ของตัวเครื่องยนต์ 4 สูบที่ลากปลายได้ไหลๆ นุ่มๆ เครื่องยนต์ไม่สะท้าน และก็ยังคงมีความเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ตามสไตล์ของ Honda

fI2DWt.png

แรกเริ่มเดิมที Honda CB400 Super Four นั้นเป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อวางขายในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยเป็นผลงานของทางโรงงาน Honda ที่เมืองคุมาโมโตะ ที่เริ่มเปิดตัวโมเดลแรกออกวางจำหน่ายตั้งแต่ในปี 1992 ซึ่งในเรื่องของการทำ CC ที่ไม่เกิน 400 นั้นก็ถือว่าทำมาเพื่อรองรับเรื่องกฏหมายใบขับขี่ของประเทศญี่ปุ่นด้วย แต่อย่างไรก็ตามจากที่มันเคยเป็นโมเดลที่ขายกันในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในช่วงหลังๆ ก็มีการวางขายกันใน South East Asia บางประเทศ และข้ามไปขายกันในประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2008

fI2PAl.png

แล้วโอกาสที่จะเข้ามาขายกันในประเทศไทยจะเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน เหตุผลที่สำคัญมากที่สุดก็คือในเรื่องของการทำราคา จริงอยู่ที่ว่าในปัจจุบันนั้นภาษีนำเข้ารถจากประเทศญี่ปุ่นมาไทยนั้นเป็น 0% แล้ว แต่ราคาของ Honda CB400SF ที่ขายกันในญี่ปุ่นนั้นเริ่มต้นอยู่ที่ 815,400 เยน (สำหรับรุ่นไม่มี ABS) แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 233,940 บาท และ 861,660 เยน (สำหรับรุ่นมี ABS) แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 247,213 บาท แน่นอนว่าราคามันแพงกว่าตระกูล 500 ของทาง Honda ไปเสียอีก แม้จะมีจำนวนสูบที่มากกว่า ซึ่งเกือบจะไปใกล้ๆ กับตระกูล 650 ของทาง Honda แล้ว นี่ยังไม่รวมค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายในการเปิดบริการในส่วนหลังการขายอีก ตรงนี้เชื่อว่าถ้านำเข้ามาขายกันในประเทศไทย ก็จะต้องบวกราคาไปจากนี้อีกประมาณหนึ่ง เหมือนกับกรณีของ CBR250RR

tDbgNb.jpg

แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ดูเหมือนว่า CBR250RR ในบ้านเรา กำลังที่มียอดจองรถมากกว่าเป้าที่ทาง A.P. Honda เองนั้นวางไว้ในทีแรก ทำให้เห็นว่ารถนำเข้าที่ราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่มีความพิเศษ ก็สามารถทำตลาดในไทยได้ ดังนั้นก็อาจจะพอมีหวังกับเจ้า CB400SF แต่ประเด็นสำคัญก็คือระหว่าง CBR250RR และ CB400SF นั้นตัวรถมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก คันหนึ่งเป็นรถสปอร์ตเรพลิก้า ที่ทำออกมาเพื่อแข่งขันในสนามและยัดฟีเจอร์มาเต็มคัน รวมไปถึงเป็นแนวรถที่ถือว่า “แมส” ในตลาดวงกว้างกว่าด้วย แต่ CB400SF นั้นตลาดของกลุ่มเป้าหมายรถในแนวนี้ ถือว่าค่อนข้างจำกัดมากกว่า ออกแนวเฉพาะกลุ่ม และตัวรถนั้นก็ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่หวือหวาอะไรอย่าง Upside Down หรือพวกอุปกรณ์ช่วยเหลือทางอิเลคทรอนิคส์ต่างๆ มากมายนัก ขายกันที่คาแรกเตอร์ของตัวรถกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงเป็นหลัก ดังนั้นมันก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะนำมาขายกันในบ้านเราก็เป็นได้

ดังนั้นก็ยังไม่แน่ไม่นอนที่ A.P. Honda จะนำ CB400SF มาขายกันในอนาคตหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาจากยอดขายของ CBR250RR ถ้ามันทะลุเป้าไปมากๆ แบบว่ารถขาดตลาดกัน และมีเสียงเรียกร้องให้นำเจ้า CB400SF มาขายแบบหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ ณ ตอนนี้ยังจะต้องบอกว่า A.P. Honda เองนั้นยังไม่มีแผนการที่จะนำเข้าเจ้า CB400SF มาขายในบ้านเรา แฟนๆ ค่ายปีกนกและ CB400SF ก็จะต้องรอลุ้นกันต่อไป แต่ถ้าใจรักจริงๆ พร้อมจ่ายเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ก็ลองหาๆ ดูตามตลาดเกรย์มาร์เก็ตได้ตามสะดวกเลยครับตอนนี้

ขอบคุณภาพประกอบจาก honda.co.jp