Banner Yamaha FINN SP 2024 1150x250
Banner Yamaha FINN SP 2024 400x300

All New BMW S1000RR เตรียมเปิดตัวในไทย Motor EXPO 2019 จากกระแสข่าวล่าสุด!

BMW S1000RR

เรียกได้ว่ากำลังจะสิ้นสุดการรอคอยแล้ว สำหรับ All New BMW S1000RR กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากที่รอคอยกันมา 1 ปีเต็มๆ ซึ่งมันเปิดตัวครั้งแรกในโลกไปในช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมา และแล้วล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่าทาง BMW Motorrad Thailand กำลังเตรียมจะวางขายโมเดลนี้กันในงาน Motor EXPO 2019 นี้กันแล้ว

All New BMW S1000RR

All New BMW S1000RR นั้น การออกแบบตัวรถถือว่ามีความแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นปัจจุบันอยู่หลายจุด อย่างไฟด้านหน้านั้นก็มาเป็นแบบสองดวงซ้ายขวา ที่มีขนาดดวงไฟเท่าๆ กัน ไม่ใหญ่ข้างเล็กข้างเหมือนก่อนหน้านี้ ตัวถังน้ำมันมีความกระชับมากขึ้นกว่าเดิม และแฟร์ริ่งที่เน้นการทำเอโร่ไดนามิกที่ออกแบบกันมาใหม่ และระบบไฟแบบ LED ตัวรถ All New BMW S1000RR นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 999cc แบบ 4 สูบเรียง ใช้วาล์วแบบไทเทเนียม 4 วาล์วต่อสูบ เท่ากับทั้งหมดจะมีวาล์วไทเทเนียม 16 วาล์วด้วยกันให้แรงม้าสูงสุดมาอยู่ที่ 207 hp ที่ 13,500 รอบต่อนาที และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่หลัก 300 กม./ชม.

S1000RR

หัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ All New BMW S1000RR ก็ระบบ BMW ShiftCam หรือระบบวาล์วแปรผันของทาง BMW โดยมีการติดตั้ง Cam Pairs ไว้สองตัว เพื่อช่วยในการทำงานของ Camshaft และวางวาล์วไอดีที่เปิดตรงไปยังห้องเผาไหม้ ทำให้ระยะเวลาของการนำเอาไอดีเข้าไปเผาไหม้นั้นสั้นลง และการจุดระเบิดของเครื่องยนต์นั้นสามารถทำได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ลดอาการสั่นจากการหมุนของเหลาข้อเหวี่ยง และยังสามารถสร้างพละกำลังได้สูงในรอบต่ำกว่าเดิม ซึ่งระบบนี้จะแยกการทำงานตามย่านความความเร็วของเครื่องยนต์ที่ใช้ โดยรอบการเดินเบา Low Cam Profiles จะทำงานให้ตัววาล์วลดตัวเข้าใกล้หัวลูกสูบมากขึ้นเพื่อลดระยะการทำงาน และในย่านความเร็วสูง High Cam Profiles จะทำการยกตัววาล์วให้สูงขึ้นเพื่อให้การทำงานในย่านความเร็วสูง ทั้งหมดนี้จะทำให้ตัวรถนั้นสามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุด ในส่วนน้ำหนักตัวของ All New BMW S1000RR นั้นจะอยู่ที่ 197 กก. ความสูงเบาะนั่งอยู่ที่ 82.4 ซม.

รถ BMW S1000RR

สำหรับฟีเจอร์เด่นๆ ของ All New BMW S1000RR นั้นจะมาพร้อมกับโหมดในการขับขี่ 4 โหมดด้วยกัน ก็คือ RAIN (ขับขี่ขณะฝนตก), ROAD (ขับขี่แบบปกติ), DYNAMIC (ขับขี่แบบผสมผสาน) และ RACE (ขับขี่แบบลงสนาม) ทำให้เราสามารถขับขี่ตัวรถได้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงระบบ Launch Control ที่จะช่วยในการออกตัวตามรอบที่เราเซ็ทไว้, Pitlane Limiter จำกัดความเร็วสำหรับในพิทเลนของสนามแข่ง, HSC Pro (Hill Start Control Pro) ระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนเนิน, DBC (Dynamic Brake Control) ควบคุมการทำงานของระบบเบรก, หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ TFT 6.5 นิ้ว, engine braking torque ควบคุมการทำงานของระบบเอนจิ้นเบรก, traction control (DTC) ป้องกันล้อหมุนฟรี, wheelie control ควบคุมการยกล้อ รวมไปถึงระบบควบคุม ABS ฯลฯ โดยมีแกนการทำงานของตัวเซ็นเซอร์ถึง 6 แกนด้วยกัน

มารอดูกันว่าจะมีการเปิดราคาค่าตัวของโมเดลนี้มาที่เท่าไหร่ ทางเราจะรีบรายงานกันโดยเร็วอีกครั้ง!