Yamaha SDR 200 แรร์ไอเทมในตำนานของรถมอเตอร์ไซค์สองจังหวะ
ในโลกของรถมอเตอร์ไซค์ เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่จะมีโมเดลหนึ่งที่ปรากฎตัวและได้สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของผู้ผลิต และหากจะเอ่ยถึงแบรนด์ Yamaha แล้ว น่าจะมีโมเดลมากกว่า 10 รุ่น ที่ไปถึงจุดนั้นได้ โดยที่หนึ่งในบรรดาโมเดลเหล่านั้น จะต้องมี Yamaha SDR 200 รถสองจังหวะคาเฟ่-เรซเซอร์ในตำนาน
Yamaha SDR 200 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1987 โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สปอร์ตไบค์คลาสกลาง และมีจุดประสงค์เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสองล้อของประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วงนั้นมักจะเลือกใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุ 125 -180 ซีซี และข้ามไป 330 – 500 ซีซี โดยเว้นช่วงความจุ 200 ซีซีไป
โดยพื้นฐานแล้ว ขุมกำลังของ SDR 200 เป็นเครื่องยนต์สูบเดียวสองจังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่มขนาดกระบอกสูบและระยะชักจากเครื่องยนต์ของ TZR125 และต่อมาได้พัฒนาเป็น DT200R, DT200WR และ DT230 เครื่องยนต์ขนาดกลางนี้จัดว่าทรงพลังมาก แต่ควบคุมได้ง่าย และเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ขับขี่ในวงกว้าง และการต่อยอดไปยังโมเดลต่างๆ ก็ประสบความสำเร็จและกลายเป็นรากฐานหลักของแบรนด์ในช่วงปลายยุค 80 จนถึงยุค 90 ก่อนการเปลี่ยนรูปแบบเครื่องยนต์ไปเป็นแบบสี่จังหวะ
โดยเครื่องยนต์ของ SDR 200 จะมีความจุที่ 195 ซีซี แต่ก็ได้รับการปรับแต่งให้สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ถึง 34 แรงม้า (PS) และมีระบบ YPVS (Yamaha Power Valve System) หรือระบบพอร์ตไอเสียแบบแปรผัน โดยมีวาล์วข้อเหวี่ยงที่ทำให้มีแรงบิดสูงแม้ในรอบการหมุนที่ต่ำ เมื่อรวมเข้ากับระบบห้องไอดี YEIS และคาร์บูเรเตอร์แบบวาล์ว ทำให้เป็นการกำหนดค่าที่ทรงพลังเพื่อการตอบสนองที่เฉียบคม ที่สะท้อนตามการบิดคันเร่ง ซึ่งในช่วงเวลานั้น เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมีประสิทธิภาพอย่างมาก
กำลังของเครื่องยนต์สะท้อนออกมายังโครงสร้างของตัวรถแบบ Trellis Frame ที่โดนแซวอย่างหนัก เพราะมันดูคล้ายกับโครงสร้างของ Ducati Monster อย่างมาก แต่สิ่งที่โครงสร้างของ SDR 200 ดูจะเหนือกว่า คือการเลือกวัสดุในการผลิต ที่เลือกใช้อลูมิเนียมมากกว่า 80% ทำให้มวลรวมของโครงสร้าง ที่แบกน้ำหนักเฉลี่ยที่สูงถึง 3.08 กิโลกรัมต่อแรงม้า จากน้ำหนักรถแบบรวมของเหลวที่ 105 กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักของ Yamaha RZ250 อีกหนึ่งสองจังหวะในตำนานของค่าย
SDR 200 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะทาง โดดเด่นอย่างมากโดยเฉพาะในสนามการแข่งขัน และยังสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์บนท้องถนน ตัวรถมาตรฐานจะมาพร้อมกับเบาะนั่งแบบ Solo Seat ไม่มีที่นั่งสำหรับคนซ้อนท้าย แฮนด์แบบจับโช้คอัพใต้แผงคอ ทำให้ได้ท่าทางขับขี่แบบพร้อมรบ ถึงน้ำมันทรงเรียวแคบ แต่ยาว ทำให้มีพื้นที่มากเป็นพิเศษสำหรับท่าทางในการขับขี่แบบหมอบต่ำ แม้จะติดเล็กน้อยที่วางตำแหน่งพักเท้า ที่อาจจะเยื้องหลังน้อยไปสักนิด แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใช้งานมักจะปรับตำแหน่งให้ถอยหลังไป เพื่อให้ได้ตำแหน่งวางเท้าที่เป็นธรรมชาติกว่า
Yamaha SDR 200 มีการผลิตในจำนวนจำกัด และมีการผลิตเพียงรอบเดียว 500 คัน และไม่มีการผลิตซ้ำจนถึงปัจจุบัน และด้วยความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีในสมัยนั้น ก็ทำให้ตัวรถมีมูลค่าที่สูงอยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดแล้ว ปัจจุบัน Yamaha SDR 200 กลายเป็นหนึ่งในแรร์ไอเทม ที่เหล่าบรรดาไบค์เกอร์วัยดึกอยากจะมีไว้ครอบครองสักคัน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก young-machine.com

Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.