Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

รีวิว Royal Enfield Continental GT 650 ทดสอบขับขี่จริง

gMRgqR.jpg

Royal Enfield Continental GT 650 ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในแนวคาเฟ่เรซเซอร์ ที่ถือว่าได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดีในประเทศไทยเรา ซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ทาง GreatBiker จะได้ทดสอบขับขี่กันอย่างจริงจัง ลองมาดูกันว่าตัวรถคันนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ในจำนวน cc ที่เยอะที่สุดของทางค่าย และแนวทางเฉพาะตัวของมัน

gMRiH0.jpg

gMREtt.jpg

อย่างที่เราเกริ่นกันไปนะครับว่า ตัวรถคันนี้เป็นแนวคาเฟ่เรซเซอร์ หรือก็คือแนวรถแข่งแบบย้อนยุคในสมัยก่อนนั่นเอง ซึ่งจะไม่ดีมีการใส่แฟริ่งรอบๆ คันมาเหมือนกับรถแนวสปอร์ตในสมัยนี้ จะมีก็แค่อุปกรณ์ตกแต่งที่ใส่โม่งครอบด้านหน้าและตูดมดเข้าไปในให้กับตัวรถเท่านั้น (อย่างที่เราเห็นเวอร์ชั่นตกแต่งของรถแนวนี้ในยุคปัจจุบัน) ซึ่งท่านั่งในการขับขี่ของตัวรถจะค่อนข้างหมอบ ด้วยการวางแฮนด์แบบคลิปออนจับโช้คมาให้นั่นเอง โดยตัวเครื่องยนต์นั้น จะมาแบบสองลูกสูบขนาด 648 ซีซี 4 จังหวะ แบบ SOHC ระบายความร้อนด้วยระบบ Air&Oil Cooler ให้แรงม้าสูงสุดที่ 47 แรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 52 นิวตันเมตรที่ 5,250 รอบต่อนาที

gMRx7u.jpg

gMRbGl.jpg

ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ Slipper Clutch ป้องกันการจับตัวของคลัทซ์ ระบบเบรกหน้าหลังแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 320 และ 240 มิลลิเมตร ปั้มเบรก 2 ลูกสูบจาก Bybre ค่ายเดียวกับผู้ผลิต Brembo พร้อมระบบเบรก ABS แบบ Dual Channel จาก Bosch โครงสร้างตัวถังจะเป็นรูปแบบของ Twin Cradle, Tubular Steel Frame โดยถังน้ำมันจะมีฝาเชื้อเพลิงแบบ Monza พร้อมกับถังน้ำมันขนาด 12.5 ลิตร ที่มีขนาดเล็กกว่า Interceptor 650 เพื่อนร่วมรุ่นที่จะมีขนาดถังน้ำมันที่จุได้ 13.7 ลิตร น้ำหนักตัวของ Continental GT จะอยู่ที่ 198 กิโลกรัม

gMRoqv.jpg

gMR6tn.jpg

gMRKGz.jpg

สำหรับการขับขี่ Royal Enfield Continental GT 650 นั้น สำหรับคนที่ไม่เคยขี่รถในแนวนี้มาก่อน น่าจะต้องปรับตัวกันพอสมควร ซึ่งเอาจริงๆ แล้วท่านั่งของมันก็ใกล้เคียงกับรถแนวสปอร์ตแฟริ่งในยุคสมัยนี้นั่นแหละครับ แต่ตำแหน่งของพักเท้ามันจะไม่ค่อยเยื้องไปข้างหลังมากนัก ยังคงให้ฟีลลิ่งที่สามารถขับขี่ในเมืองในชีวิตประจำวันได้ อัตราเร่งของตัวรถถือว่าทำออกมาในย่านความเร็วต้นได้อย่างยอดเยี่ยม จังหวะจะเร่งจะแซงแบบกระทันหัน สามารถสั่งได้ ส่วนการไต่ความเร็วปลายนั้น ช่วง 80 – 130 ก็ทำได้แบบสบายๆ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ต้องอาศัยความเข้าใจของรอบตัวเครื่องยนต์เข้าช่วยประมาณหนึ่ง ด้วยการที่มันยังคงเป็นรถสองสูบ และประกอบกับคาแรกเตอร์ของเครื่องยนต์ถูกเซ็ทมาให้ค่อนข้างจะนุ่มนวล แต่มีแรงบิดที่หนักแน่นติดมือมากกว่า แต่สิ่งที่ประทับใจก็คือ ความนิ่งของเครื่องยนต์ที่ทำได้ดีในย่านความเร็วสูง ไม่มีอาการสะท้านให้เห็นเท่าไหร่นัก ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากซีรี่ย์ 500 ของทางค่ายก่อนหน้านี้มาก ที่เครื่องยนต์ค่อนข้างจะกระด้างกว่านี้

gMRsgV.jpg

gMxBJe.jpg

gMR2CQ.jpg

ช่วงล่างเซ็ทมาให้แบบกลางๆ ไม่แข็งหรือว่าย้วยจนเกินไปนัก ซึ่งทำให้มันวิ่งได้หลากหลายสถานการณ์ แต่ถ้าคนที่คาดหวังว่ามันมาเป็นแฮนด์แบบจับโช้คอย่างนี้ แล้วจะยัดโค้งแรงๆ แบบรถสปอร์ตแท้ๆ คงต้องปรับฟีลลิ่งกันใหม่นิดนึง แต่อย่างไรก็ตามในการเข้าโค้งนั้น ตัวรถยังคงให้บาลานซ์ที่ดีในจุดนี้ สามารถเรียนรู้เพื่อหาจุดศูนย์ถ่วงและปรับท่านั่งในโค้งได้ไม่ยาก ในขณะที่ระบบเบรกนั้นถือว่าตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี วัสดุอุปกรณ์โดยรวมของตัวรถแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าราคาในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

gMRrJW.jpg

gMRlfk.jpg

สรุปจากความคิดเห็นของทางผู้ทดสอบแล้ว Royal Enfield Continental GT 650 ที่ขายกันในราคาเริ่มต้น 221,000 บาทนั้น เทียบกับสเปคและสิ่งต่างๆ ที่ให้มานั้น ถือว่าคุ้มค่าตัวครับ ไม่มีข้อสังเกตอะไรให้น่าหนักใจเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าด้วยคาแรกเตอร์ลักษณะของตัวรถนั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้วิ่งออกทริปกันไกลๆ แบบข้ามจังหวัดกันเป็นพันกิโลอะไรอย่างนั้น ด้วยตำแหน่งของแฮนด์รถที่ยังคงบังคับให้ท่านั่งต้องอยู่ในท่าหมอบเสียเป็นส่วนใหญ่ หากขับขี่ต่อเนื่องกันยาวๆ ย่อมมีอาการเมื่อยล้าให้เห็นกันแน่นอน แต่หากว่าจะต้องการนำมันมาใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือขี่แบบหล่อๆ ท่องเที่ยวในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก มันก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ที่สำสคัญมันสามารถนำไปตกแต่งกันต่อได้หลากหลายสไตล์ด้วย

gMRcB8.jpg

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Royal Enfield Thailand ที่เอื้อเฟื้อรถสำหรับการทดสอบในครั้งนี้นะครับ รอติดตามการรีวิวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ ได้จากทาง GreatBiker กันในโอกาสต่อไป