Banner-Yamaha-Motorshow-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Motorshow-2024-400x300.gif

จับตา 3 มอเตอร์ไซค์ใหม่จาก Lifan มีโอกาสทำตลาดที่ไทยสูง!

จากที่เราได้เห็นการโชว์ตัวของรถมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ของค่าย Lifan จากประเทศจีนกันไปในช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมาทั้ง 3 คันที่ถือว่ามีแนวทางในการออกแบบตัวรถที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและสไตล์การขับขี่ของตัวรถ ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 คันนั้นมีแนวโน้มสูงทีเดียว ที่จะเข้ามาทำตลาดกันในประเทศไทยบ้านเราในอนาคตด้วย เราลองไปดูด้วยกันเลยว่าทั้ง 3 คันนั้นจะมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง

คันแรก New Lifan KP350 เองนั้นมีดีไซน์ในแนวโมเดิร์นเนกเกต เน้นความบึกบึนของตัวรถกับเส้นสายที่โค้งมนผสมกับความเหลี่ยมคมเล็กๆ น้อยๆ ในบางจุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 349cc แบบ 2 ลูกสูบ พร้อมน้ำหนักตัวที่ 187 กก. ซึ่งถือว่าเป็นรถคันแรกในคลาสนี้ของทางค่าย Lifan ให้แรงม้าสูงสุดมาอยู่ที่ 26.8 HP ที่ 7,500 รอบต่อนาที และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดนั้นอยู่ที่ 27.5 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที แม้ว่าพละกำลังของตัวรถอาจจะไม่ถึงกับหวือหวามากนัก แต่ข้อดีของการเป็นรถสองสูบ ก็คือมันจะให้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ได้มากกว่ารถสูบเดียวอย่างแน่นอน และน้ำหนักตัวที่ค่อนเบาเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกัน

9IKP9Z.jpg

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ที่ให้มาก็คือระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside Down ดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ทำงานร่วมกับระบบ ABS มีระบบไฟเป็นแบบ LED ผสมกับฮาโลเจน หน้าจอแบบ LCD Digital เต็มรูปแบบ เบาะนั่งมีดีไซน์เป็นแบบสองตอนยกระดับด้วยความสูงที่ 760mm และถึงแม้ว่าเจ้า KP3450 คันนี้จะเป็นรถในแนวเนกเกตแต่ก็ให้ชิลด์หน้าแบบเตี้ยมาด้วย เผื่อสำหรับการออกทริปในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ตัวรถที่เผยโฉมออกมาดูจะเน้นสีสันแบบทูโทน จึงเชื่อว่าหากมีการวางขายกันจริงๆ ในสีสันอื่นๆ ก็น่าจะเป็นแบบทูโทนเช่นเดียวกัน

คันต่อมา New Lifan LF150-T ด้วยการวางตำแหน่งของตัวรถให้เป็นรถแนวครอสโอเวอร์ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งทางเรียบและทางฝุ่นได้ประมาณหนึ่ง ด้วยชนิดของยางที่ให้มา และระยะห่างของใต้ท้องรถกับพื้น ในขณะเดียวกันนั้นตัวรถก็มาในแนวที่ขับขี่กันง่ายๆ แบบรถสกู๊ตเตอร์ที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ สำหรับตัวสเปกของเครื่องยนต์นั้นมาให้พิกัด 150cc แบบ 1 ลูกสูบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ โดยตัวเครื่องยนต์นั้นให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 11.53 HP ที่8,500 รอบต่อนาที และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 11 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งตรงนี้ดูแล้วอาจจะมีตัวเลขที่ต่ำกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในคลาส 150 กันไปบ้าง จะต้องรอรีวิวการขับขี่จริงอีกครั้ง ว่าอัตราเร่งจริงๆ จะเป็นอย่างไร (ซึ่งคาดการณ์ว่ามันจะมีอัตราเร่งที่ไม่หวือหวามาก แต่เน้นการขับเคลื่อนแบบสม่ำเสมอในย่านความเร็วต้นถึงกลางเป็นหลัก) ส่วนถังน้ำมันนั้นให้ความจุมาอยู่ที่ 12 ลิตร ซึ่งก็นับว่าเพียงพอต่อการออกทริปได้สบายๆ

TWkYJt.jpg

ในส่วนของฟีเจอร์ตัวรถนั้น โดดเด่นด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside Down ที่จะช่วยลดแรงสะเทือนได้ดีกว่าแบบปกติ ส่วนด้านหลังนั้นเป็นโมโนโช้ก ระบบเบรกนั้นเป็นดิสก์ทั้งหน้าและหลัง ทำงานร่วมกับระบบห้ามล้อฉุกเฉิน ABS ในขณะที่ระบบไฟหน้านั้นเป็นแบบ LED หน้าจอแสดงผลเป็น LCD screen แสดงผลค่าต่างๆ ที่จำเป็นอย่างครบครัน มาพร้อมกับล้อขนาด 14 นิ้ว ความสูงเบาะนั่งอยู่ที่ 760 mm ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับหลายๆ สรีระของผู้ขับขี่เอามากๆ และน้ำหนักตัวอยู่ที่ 125 กก. ก็ถือว่าเบาและมีความคล่องตัวสูงตามสไตล์ของรถในแนวนี้

และคันสุดท้าย New Lifan KPT500 ADV Rally เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เน้นการขับขี่ได้ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น ตัวรถเสริมการลุยด้วยการ์ดแฮนด์ที่ติดตั้งมาจากโรงงานเลย และด้านหน้านั้นจะมีชิลด์หน้าขนาดสูง ที่สามารถปรับได้อยู่ 2 ระดับด้วยกัน เบาะนั่งมาเป็นแบบสองตอนยกระดับ แต่ก็ไม่ได้สูงมากเกินไปนัก โดยจะอยู่ที่ 800mm เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของคนเอเชียโดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำตลาดของโมเดลนี้ ในส่วนของสเปกเครื่องยนต์นั้นจะมาในพิกัด 450cc แบบ 1 สูบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด EFI ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 36.2 ตัวที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดอยู่ที่ 41 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที เน้นแรงบิดในย่านความเร็วต้นถึงกลางอันหนักหน่วง ตามแบบฉบับของรถสูบเดียวในพิกัดขนาดนี้ ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสมกับคาแรกเตอร์ของตัวรถไม่น้อย ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ นั้นก็จะมีในเรื่องของ Upside Down ด้านหน้า ดิสก์เบรกหน้าคู่มาพร้อมกับระบบ ABS ระบบไฟแบบ LED ขนาดหน้ายางด้านหน้า 19 นิ้วและด้านหลัง 17 นิ้ว ของ Fujimori แบบกึ่งทางเรียบกึ่งทางฝุ่น

TWkeAQ.jpg

ทั้ง 3 คันนี้ถือว่ามีภาพรวมของการออกแบบดีไซน์ที่แตกต่างไปจากโมเดลก่อนหน้านี้ของทาง Lifan ค่อนข้างมาก สาเหตุหลักๆ ก็คือพวกเขาเองนั้นเลือกใช้ทีมออกแบบดีไซน์จากทางฝั่งยุโรปนั่นเอง มาลุ้นกันว่าสุดท้ายถ้ามาบ้านเราแล้ว จะเปิดราคากันมาเท่าไหร่ เพราะปกติทางค่ายจะเน้นการทำราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายและสเปกค่อนข้างดีเป็นจุดขายหลักอยู่แล้ว

ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก newmotor.com.cn

Banner-Yamaha-Safe--Save-2024-400x300.jpeg