Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

Honda CB300R และ CB1000R ลุ้นเปิดตัวในประเทศไทยช่วงกุมภาพันธ์ 2018

cv2

แม้ว่าจะทั้งสองโมเดลใหม่อย่าง CB300R และ CB1000R ที่หลายต่อหลายคนรอคอยกันจะยังไม่ได้เปิดตัวในงาน Motor EXPO 2017 นี้ แต่ก็ได้รับการคาดการณ์กันว่ามันจะเปิดตัวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปีหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะว่าตามปกติแล้วช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้นจะเป็นช่วงที่ทาง A.P. Honda จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่กันในทุกๆ ปี ซึ่งนอกเหนือจากทั้งสองโมเดลนี้อาจจะมีโมเดลใหม่ๆ คันอื่นพ่วงมาด้วย

blank

เราลองมารู้จักกันกับ CB300R กันให้ลึกซึ้งก่อน ก่อนอื่นเลยจะต้องบอกว่าในเรื่องอารมณ์การดีไซน์โดยรวมนั้นนอกเหนือไปจากไฟกลม LED ด้านหน้ารถแล้วนั้น ที่เหลือก็ไม่ต่างจากรถในแนวสปอร์ตเนกเกตแบบปกติเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแฮนด์บาร์อลูมิเนียมด้านหน้าที่ยกสูงขึ้นมา และกว้างออกด้านข้างเพื่อให้ควบคุมรถสำหรับการวิ่งอย่างต่อเนื่องได้อย่างง่ายๆ และท่านั่งที่ขาเราสามารถหนีบถังน้ำมันที่ตัวรถนั้นออกแบบมาให้รองรับในจุดนี้เป็นอย่างดี เจ้า New CB300R นั้นมาพร้อมกันกับขุมกำลังขนาด 286cc แบบ DOHC 4 วาล์ว 1 ลูกสูบ ขนาดกระบอกสูบและช่วงชักอยู่ที่ 76 x 63mm อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 10.7:1 ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ CBR300R, CB300F และ Rebel 300 นั่นเอง ซึ่งข้อดีก็คือเป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างจะเสถียรเอามากๆ เพราะผ่านการทดสอบและปรับปรุงกันมาหลายครั้งแล้วกว่าจะมาถึงโมเดลนี้

blank

คาแรกเตอร์ของตัวรถนั้นจะเน้นแรงบิดและอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมในย่านความเร็วต้นถึงกลางมากเป็นพิเศษ ตามแบบฉบับของรถสูบเดียวที่มีเครื่องยนต์ใน cc ขนาดนี้ ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 31 ตัว และทอร์คสูงสุดที่ 27 นิวตันเมตร จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-Fi ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ในขณะที่น้ำหนักตัวของมันนั้นอยู่ที่เพียง 143 กก. เท่านั้น (แบบรวมของเหลวทุกอย่างแล้ว) จึงถือว่ามันเป็นรถที่มีความคล่องตัวสูง และ cc ที่เพียงพอต่อการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งขับขี่ไปออกทริป

blank

สำหรับตัวเฟรมรถนั้นเป็นเฟรมผสมแบบมิกซ์เพรสและเหล็กแบบท่อ ซึ่งจะให้ขับในเรื่องบาลานซ์ของรถให้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวรถ CB300R เองนั้นยังคงมีจุดเด่นด้วยการติดตั้งโช้คอัพด้านหน้ามาแบบ USD (หัวกลับ) ขนาด 41mm เบรกหน้าเป็นแบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ จานเบรกเป็นแบบโฟลตติ้งดิสก์ และ ABS แบบ IMU-based ในขณะที่ยางนั้นเป็นยางแบบเรเดียล ในส่วนหน้าจอการแสดงผลนั้นหากสังเกตดูจะพบว่า มันมีความคล้ายคลึงกันกับ CB150R เอามากๆ ในการวางตำแหน่งขององค์ประกอบต่างๆ ดังนั้นแล้วแน่นอนว่ามันจะมีไฟชิฟท์ไลท์ (ที่เอาไว้ช่วยเตือนในการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อรอบถึงที่กำหนดไว้), ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ และรายละเอียดในการวัดค่าต่างๆ ซึ่งมาในรูปแบบของ Fully LCD (ดิจิตอลเต็มรูปแบบ) ในขณะที่ตัวถังน้ำมันนั้นจุมาให้อยู่ที่ 10 ลิตร ซึ่งทางค่ายเองนั้นได้ให้การเคลมข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองการใช้น้ำมันมาว่า เฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 30.2 กม. / ลิตร ดังนั้นแล้วหากบรรจุน้ำมันให้เต็มถึง เจ้า CB300R ก็จะวิ่งได้ถึงราวๆ 300 กม. กันเลยทีเดียว

cb1000r-005

ต่อมาสำหรับ CB1000R นั้น แม้ว่าจะมีการดีไซน์ไฟหน้าแบบไฟกลมนั้น แต่ว่ารูปลักษณ์ของตัวรถโดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถสปอร์ตเนกเกตที่มีความดุดันก้าวร้าวอยู่ในตัวสูง และมีเส้นสายที่ดุดัน มาพร้อมกับแฮนด์บาร์แบบยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ภาพรวมมันจึงเป็นรถที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิก – โมเดิร์น และ แอคเกรซซิฟได้อย่างลงตัว โดยที่เครื่องยนต์พื้นฐานของตัวรถนั้นเป็นการยกเอามากจาก CBR1000RR Fireblade โดยที่มีการปรับเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับโมเดลเดิมก่อนหน้านี้ถึง 16% ด้วยกัน รวมไปถึงทอร์คหรือว่าแรงบิดที่มากกว่าเดิมถึง 5% ด้วยกัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 998cc แบบสี่สูบเรียง ให้แรงม้าสูงสุดมาที่ 143.4 ตัวที่ 10,500 รอบต่อนาที โดยรวมแล้วมันจึงเป็นรถที่เน้นเน้นพละกำลังที่จัดจ้านมากเป็นพิเศษ

blank

และตัวรถเองนั้นยังคงหยิบยกเอาคันเร่งไฟฟ้า (ride by wire) มาจาก CBR1000RR ด้วยซึ่งมาพร้อมกับโหมดในการขับขี่ 3 โหมดด้วยกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งให้ใช้งานได้ตามความเหมาะสมของแต่ละยูสเซอร์ หรือตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป และตัวรถเองนั้นยังคงมีระบบ slipper clutch (ป้องกันท้ายปัดขณะเชนจ์เกียร์) และมี quickshifter (ตัวช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์) ติดตั้งมาให้ด้วย โดยที่โครงสร้างของตัวรถนั้นเป็นแบบเหล็กที่ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรถคันนี้โดยเฉพาะเลย และโช้คหัวกลับด้านหน้าของ Showa ที่ทั้งหมดนี้ก็ช่วยให้น้ำหนักตัวของรถโมเดลใหม่นี้น้อยลงกว่าเดิมถึง 12 กก. ด้วยกัน

blank

ในขณะที่ระยะฐานล้อนั้นมีความยาวมากขึ้นกว่า CBR1000RR มันจึงเหมาะสมกับการใช้งานจริงในท้องถนนมากกว่า และมีความเสถียรกว่าในการขับขี่ และเบรกหน้าเป็นปั้มแบบเรเดียลทำงานร่วมกับระบบ ABS ท่อไอเสียนั้นเป็นแบบท่อคู่ออกด้านข้าง ส่วนสวิงอาร์มหลังนั้นเป็นแบบสวิงอาร์มเดี่ยว หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าโปร์อาร์มนั่นเอง

จับตาดูในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านี้ให้ดี สำหรับใครที่รอคอยสองโมเดลใหม่นี้ รวมไปถึงลุ้นเปิดตัวโมเดลใหม่ๆ คันอื่นๆ จากทางค่ายปีกนกฮอนด้ากันด้วย ทาง GreatBiker จะมารายงานความคืบหน้ากันอีกอย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณภาพจาก motorcyclenews.com hondanews.eu