Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

Harley-Davidson XR1200 “THE REVENANT” ในรูปแบบ Street Scrambler

Harley-Davidson XR1200 ในรูปแบบ Street Scrambler

Harley-Davidson XR1200 โมเดลอายุสั้น ที่ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 2008 ด้วยความที่ตัวรถนั้นจะถูกออกแบบมาให้อยู่แบบดึ่งๆ กลางๆ ระหว่างรถในแนวทาง Roadster แต่มีลักษณะของฐานล้อที่ยาวเหมือนกับ Cruiser ทำให้โมเดลนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักในช่วงเวลานั้น แต่ในปัจจุบันกลับเป็นโมเดลที่มีแฟนบอยของค่ายตราโล่ห์ ตามหาเพื่อให้ได้มาไว้ในครอบครอง

ad8Rgb.jpeg
Harley-Davidson XR1200X 2010 

จากข้อมูลของตัวรถนั้น XR1200 จะเป็นโมเดที่ใช้ในการทำตลาดในโซน ยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานเครื่องยนต์ Evolution ขนาด 1,202 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า (bhp) และมีการแตกไลน์ออกเป็น XR1200X ในปี 2010 และเจ้า XR1200X ก็ได้กลายเป็นผลงานชิ้นใหม่ของ Jose García และ Miguel Porras จากสำนักแต่ง Marco Motors สำนักแต่งสัญชาติอเมริกัน

ad88Mp.jpeg

โดยจุดเริ่มต้นของโครงการดัดแปลงตัวรถในครั้งนี้ เกิดจาก Marco Motors ได้รับคำขอจากลูกค้าที่ครอบครองตัวรถ Harley-Davidson XR1200X รุ่นปี 2010 ซึ่งต้องการปรับโครงสร้างของตัวรถใหม่ทั้งหมด โดยอิงจากแนวทางของรถ Street Scrambler ที่ไม่เพียงแต่ต้องสวยงามตามรูปแบบ แต่ต้องสามารถขับขี่และใช้งานได้จริง

ad8Qo5.jpeg

สิ่งแรกที่ทาง Marco Motors ได้ทำคือการออกแบบส่วน Sub-Frame ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้ระยะฐานล้อที่สั้นลงกว่าเดิม ส่วนหน้าตัดของท่อเหล็กขึ้นรูปด้วยมือใหม่ถูกเชื่อมเข้าที่ ซึ่งทำให้ส่วนท้ายดูสั้นลงกว่าเดิมมาก ส่งผลให้ระยะฐานล้อของตัวรถนั้นลดลงไปกว่า 120 มิลลิเมตรเลยทีเดียว

ad8xu7.jpeg

ไม่เพียงแต่ปรับระยะฐานล้อใหม่ แต่น่าจะเรียกว่ารื้อของเดิมออกจากตัวรถเลยน่าจะง่ายกว่า เพราะทาง Marco Motors ได้ทำการแยกชิ้นส่วนต่างๆของตัวรถออกมาจากหมด ปรับเปลี่ยนเบาะนั่งแยกระดับรูปทรงแบบกำหนดเองที่หุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมกับการตัดเย็บแบบฝังลวดลาย ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความหรูหรา แต่เอื้อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบทในการขับขี่ได้สะดวกขึ้น รวมไปถึงพื้นที่สำหรับผู้โดยสาร ที่เพียงพอต่อการซ้อนท้าย แม้ว่ามันจะดูเล็กกว่าเบาะนั่งเดิมก็ตาม

ad8pk8.jpeg

ส่วนท้ายที่เหลือตกแต่งด้วยไฟท้าย LED และสัญญาณไฟเลี้ยวที่เข้ากัน ซึ่งทำงานอย่างเรียบร้อยในฉากยึดแผ่นแบบกำหนดเองโดยใช้ตัวแปลงแบบกลึงขึ้นรูป ผู้ดัดแปลงเลือกที่จะซ่อนส่วนผู้โดยสารไว้ใต้ชิ้นส่วนตัวถังที่ขึ้นรูปด้วยมือที่ถอดออกได้ ดังนั้นจึงหมายความว่า เบาะนั่งส่วนผู้โดยสารสามารถถอดออกได้ และสามารถปรับเบาะนั่งให้เป็นแบบ Solo Seat ได้นั่นเอง

ad84LY.jpeg

เมื่อจัดเรียงส่วนท้ายแล้ว ก็ถึงเวลามุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนในส่วนที่เหลือ ท่อไอเสียขนาดใหญ่คือสิ่งแรกๆ ที่ถูกเลือกใช้งาน สำหรับไฟและการควบคุมนั้น มีการติดตั้งแฮนด์รถ Biltwell Tracker จากนั้นปิดท้ายด้วยแฮนด์อัลลอยด์ Rizoma และกระจกปลายแฮนด์พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยวในตัว ส่วนควบคุมดั้งเดิมทั้งหมดก็ถูกถอดออกเช่นกันและแทนที่ด้วยสวิตช์ Motogadget จากนั้นเดินสายไฟสำหรับทั้งหมดนี้ผ่านแฮนด์รถและเข้าไปในกล่องแยก Motogadget เพื่อให้ดูสะอาดตาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ad8qHB.jpeg

หน้าจอแสดงผล จะเป็นรุ่น Motoscope speedo จาก Motogadget ซึ่งเป็นแบบอะนาล็อก ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับตัวรถ และมันถูกย้ายตำแหน่งไปอยู่ที่ด้านข้างของถังน้ำมัน ทำให้บนตุ๊กตาแฮนด์นั้น มีความโล่งเป็นพิเศษ แต่ก็แลกมาด้วยการอ่านค่าที่ยุ่งยากกว่าเดิมเล็กน้อย (แต่โคตรเท่ห์)

โครงสร้างยังต้องการแฟลร์แบบ scrambler เล็กน้อย Marco Motors จึงติดตั้งชุดล้อซี่ลวดขนาด 18 นิ้วประกอบจากแค็ตตาล็อกของ OEM Harley และหุ้มด้วยยาง TKC80 อันเป็นเอกลักษณ์ของ Continentalช่วยให้ XR มีซี่ฟันที่เหมาะสมหากจะเดินทางสายฝุ่นอย่างเต็มตัว ส่งผลให้XR นี้ไม่ใช่สไตล์สปอร์ตทั่วๆไป

ad83IL.jpeg

ในส่วนของระบบเบรกนั้น มีการติดตั้งชุดดิสก์เบรกแบบลอยคู่ที่ด้านหน้าซึ่งจะติดตั้งผ่านชุดอะแดปเตอร์ที่สั่งทำพิเศษ ด้านหลัง คาลิเปอร์ Nissin ลูกสูบเดี่ยวได้รับการอัพเกรดเป็นแบบ Brembo สี่ลูกสูบเพื่อให้มีสไตล์และเพิ่มพลังในการเบรก ในส่วนของระบบกันสะเทือน โช้คหลังแบบ piggyback ของ Öhlins ส่วนด้านหน้าจะเป็นโช้คอัพของ Showa ที่สามรถปรับตั้งค่าต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นของเดิมเพียงไม่กี่ชิ้นจากตัวรถดั้งเดิม ที่ยังคงเหลือในการดัดแปลงครั้งนี้

ad8fff.jpeg

นอกเหนือจากโช้คอัพหน้าที่ยังคงเหลือรอดบนตัวรถคันนี้ แต่ยังมีส่วนของถังเชื้อเพลิง ครอบถัง และฝาปิดถัง ที่จะเป็นของเดิมจากโรงงาน แต่มีการปรับปรุงใหม่ด้วยการใช้โทนสีที่สดใสขึ้น โดยใช้โทนสี Hockenheim Silver ซึ่งเป็นสีจากโรงงานของ BMW ที่สงวนไว้สำหรับรุ่น M2 Competition เท่านั้น (แล้วมาได้ไงล่ะ)

Harley-Davidson XR1200 ในรูปแบบ Street Scrambler

ทั้งหมดนี้ Marco Motors ตั้งชื่อเท่ห์ให้กับโครงการนี้ว่า “THE REVENANT” ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกของการกลับมา ของโมเดลที่หลายๆ คนอาจจะหลงลืมไปแล้ว หากใครขอบผลงานของสำนักแต่งนี้ ก็สามารถเข้าไปรับชมผลงานอื่นๆ ของสำนักได้ที่ Marco Motors ได้เลยครับ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bikeexif.com

blank