Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

ตามติด “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา กับการแข่งขัน OR Thailand Grand Prix 2022

เกาะติดการแข่งขัน OR Thailand Grand Prix 2022 กับ Honda

หลังจากห่างหายจากการจัดงานไปนาน 2 ปี กับการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP กับรายการ Thailand Grand Prix จากพิษของ Covid-19 การกลับมาในปี 2022 นี้ดูเหมือนจะมีคุณค่าทั้งทางความรู้สึกและภาพลักษณ์โดยรวมของการจัดการแข่งขันโดยตรง อีกทั้งในฤดูกาล 2022 กับการแข่งขันในคลาสกลางอย่าง Moto2 ก็มีนักแข่งไทย ที่ปีนี้ผลงานโดยรวมถือว่าดูดี ทำให้เราเกิดความรู้สึกอินเป็นพิเศษกับการแข่งขันในปีนี้

ppQzra.jpg

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 นักบิดหนุ่มจากชลบุรี หนึ่งในดาวบิดของโครงการ Race To The Dream ของค่ายรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่ Honda ที่วางแผนปลุกปั้นนักแข่งเลือดไทยเพื่อสู้ศึก MotoGP ให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่ง “ก้อง” นั้นก็ลงทำการแข่งขันในระดับ Moto2 ให้กับทีม Idemitsu Honda Team Asia เป็นฤดูกาลที่ 4 แล้ว และในปีนี้ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ฟอร์มของเจ้าตัวกำลังเข้าฝัก ด้วยการเป็นนักบิดเชื้อชาติไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ในรายการ WorldGP ได้บนสนาม Mandarika ในประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งยังเก็บแต้มตำแหน่งบนโพเดียมได้อีกทั้งอันดับสองจากสนาม Autódromo Termas de Río Hondo อาเจนติน่า อันดับสามจากสนาม Le Mans ฝรั่งเศส และอันดับสองอีกครั้งที่สนาม Red Bull Ring ที่ออสเตรีย อีกทั้งยังกวาดคะแนนสะสมทะลุ 100 แต้มได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าผลงานแซงหน้ารุ่นพี่ตำนานนักบิดไทยอย่าง “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เลยก็ว่าได้

ppxm0W.jpg

การกลับมาลงทำการแข่งขันในสนามประเทศบ้านเกิดของตัวเองในครั้งนี้ จึงกลายเป็นสิ่งใหม่ที่บรรดาแฟนๆมอเตอร์สปอร์ต เมื่อย้อนกลับไปในฤดูกาล 2019 ที่ “ก้อง” พึ่งจะเข้ามาร่วมทำการแข่งขันในครั้งแรก ก็จบการแข่งขันบนสนาม ช้างฯ ด้วยการคว้าอันดับ 9 ไปครอง ทั้งๆ ที่ยังเป็นช่วงปรับตัวกับการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น จึงไม่แปลใจเลยว่าทำไมในปีนี้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและต่างชาติ ต่างจับจ้องไปที่ผลงานของเจ้าตัวอย่างมากในสนามแห่งนี้

ppxJQn.jpg

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เริ่มต้นซ้อมแรกที่สนามช้างฯ ด้วยบรรยากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจนัก สนามมีสภาพที่เปียกและความชื้นสูงหลังจากฝนตกลงมาอย่างหนัก หลังจากภาคอิสานของประเทศไทยโดยหางของพายุ “โนรู” เข้าให้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาของเจ้าตัวเท่าไหร่นัก ด้วยความที่ “ก้อง” ชอบการขับขี่ในรูปแบบ Wet Race อยู่เป็นทุนเดิม จึงไม่ค่อยส่งผลกระทบมากนัก จบซ้อมแรกของวันศุกร์ไปด้วยอันดับที่ 2 ตามหลัง AugustoFernandez นักบิดชาวสเปนเพียง +0.032 วินาทีเท่านั้น และปิดฉากการซ้อมรอบ FP2 วันศุกร์ด้วยการจบอันดับที่ 4 ตามหลังผู้นำอยู่ +0.317 วินาที

ppxyZ2.jpg

จนมาถึงวันเสาร์ ในรอบ FP3 “ก้อง” ยังคงรักษาความเร็วได้อย่างคงที่ จบการซ้อมด้วยอันดับที่ 4 ตามหลัง AiOgura เพื่อนร่วมทีมอยู่ +0.569 วินาที และทะลุเข้าไปรอบ Qualify ในรอบ Q2 และในรอบการจัดลำดับออกสตาร์ทนี้ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เองก็สร้างปรากฎการณ์ด้วยการเป็นนักบิดเชื้อชาติไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าตำแหน่ง Pile Position ในระดับ WorldGP ได้เป็นคนแรกด้วยเวลา 01’35.625 คว้าตำแหน่งในการออกสตาร์ทที่ดีที่สุดของสนามไปได้อย่างสวยงาม และสร้างความตื่นเต้นคูณสองให้กับบรรดาแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต พร้อมกับความคาดหวังที่จะได้เห็นนักบิดไทยได้ขึ้นโพเดียมบนสนาม “โฮมเรซ” ในระบบโลกอีกครั้ง เหมือนที่เราเคยเห็น “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ขึ้นบังลังก์แชมป์ในรายการ WSSP600 รายการย่อยของ WorldSBK ที่มาแข่งกันที่สนามช้างฯ เมื่อปี 2015 อีกสักครั้ง

ppQYUf.jpg

ppQN0q.jpg

บรรยากาศ ความคึกคักของรอบการแข่งจริงในวันอาทิตย์ ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ Thailand Grand Prix ผู้ชมเข้าสนามมาอย่างเนืองแน่น จากสถิติของคนดูทั้ง 3 วัน ทะลุ 100,000 คน อีกทั้งในปีนี้มีการจัดแสตนของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ให้แฟนๆ ได้นั่งชมนั่งเชียร์กันอย่างสนุก ซึ่งบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความมันส์และคามคาดหวัง หลังจากไม่ได้ชมการแข่งขันระดับโลกแบบนี้มานานกว่า 2 ปี

ppQW9D.jpg

แต่แล้วก่อนการแข่งขันไม่นาน ท้องฟ้าก็ดูจะเปลี่ยนแปลง จากการแข่งขันในระดับ Moto3 ที่เป็นปกติ แต่มาตอนที่จะมีการแข่งขันในระดับ Moto2 ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง และพอออกไปตั้งแถวในกรีดสตาร์ท ก็เริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาในบางจุดของสนามและตกลงมาอย่างหนักทั่วทั้งสนาม แต่การแข่งขันก็ต้องดำเนินต่อไป ด้วยการประกาศให้เป็น Wet Race และลดจำนวนรอบการแข่งขันลงเหลือเพียง 16 รอบสนามเท่านั้น ซึ่งทำให้บรรดานักแข่งและทีมต้องพบเจอกับปัญหาอย่างมาก เพราะตัวรถนั้นถูกเซ็ทอัพมาในสำหรับสภาพสนามที่แห้ง และที่ทำได้ก็เพียงเปลี่ยนยางจากยางแข่งพื้นแห้งเป็นยางแบบรีดน้ำแทน ก่อนการสตาร์ทเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

ppxFs1.jpg

กำหนดการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป การออกสตาร์ทก็เป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้ โดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดเลือดไทยเองถึงจะออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก แต่ก็พารถแข่งของตัวเองแทรกผ่านโค้งแรกและทะยานออกมาเป็นเป็นคนแรก และขึ้นนำเดี่ยวแบบทิ้งห่างอันดับสองอยู่พอสมควร แต่หลังจากผ่านการแข่งขันไปเพียง 2 รอบเท่านั้น สภาพของรถที่ถูกเซ็ทอัพไว้สำหรับความเร็วสูงบนพื้นแห้ง หรือด้วยความคาดหวังและความกดดันที่หนักอึ้งบนบ่าของนักแข่ง ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อเจ้าก้องพลาดล้มเมื่อผ่านทางลาดของโค้งที่ 4 ซึ่งล้อหลังของตัวรถแข่งเกิดเสียสมดุลด้วยความลื่นของแทร็กที่เกิดจากการไหลของน้ำ ทำให้ตัวรถเสียอาการล้มไปท่ามกลางความเงียบของแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย โดยเจ้าก้อง พยายามยกรถขึ้นมาเพื่อที่จะทำการแข่งขันต่อ แต่ตัวรถเจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด จนต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย

ppxImy.jpg

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางสภาพของสนามที่เปียกและชุมไปด้วยฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งการแข่งขันเหลือเพียง 9 รอบเท่านั้น แต่ Race Director มองแล้วว่าสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการแข่งขันต่อไป จึงตัดสินใจตี Red Flag ยุติการแข่งขันในทันที ส่งผลให้ Tony Arblino ดาวบิดอิตาเลี่ยนของทีม Marc VDS คว้าแชมป์ของสนามนี้ไปครองได้สำเร็จและเป็นแชมป์แรกของเจ้าตัวในการแข่งขันระดับ Moto2 อีกด้วย เช่นเดียวกับ Filip Salač ดาวบิดเลือดเช็กของทีม Gresini Racing ที่สามารถคว้าโพเดียมอันดับสองมาครองได้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ส่วนอันดับที่สามตกเป็นของ Arón Canet ดาวบิดสเปนิชของทีม Flexbox HP40 ทำคะแนนเกาะกลุ่มผู้นำ Top3 ในตารางคะแนนสะสมต่อไป

ppQSNb.jpg

ส่วนการแข่งขันในระดับ MotoGP นั้น ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน นับตั้งแต่วันซ้อม เพราะการกลับมาแข่งขันอีกครั้งของ Marc Marquez นักบิดแชมป์โลก 8 สมัยของทีม Repsol Honda ได้เข้าร่วมการแข่งขันสนามนี้อีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2019 ล่าสุดที่เจ้าตัวลงแข่งในสนามนี้ และคว้าชัยชนะพร้อมกับแชมป์โลกสมัยที่ 8 ของตัวเองได้เป็นครั้งแรกบนแผ่นดินไทย ทำให้บรรดาแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าสนามนี้จะไม่มีผลใดๆ ต่อการชิงแชมป์โลกสมัยที่ 9 ของเจ้าตัว แต่บรรดาแฟนความเร็วก็อยากจะเห็นเจ้าตัวกลับมาวาดลวดลายบนสนามให้เห็นกับตาอีกครั้ง

ppQ9ju.jpg

ในรอบการแข่งขันสุดท้าย ต่อเนื่องจากระดับ Moto2 ที่มีฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้การสตาร์ทการแข่งขันต้องดีเลย์ออกไป อีกทั้งยังมีการลดจำนวนรอบการแข่งขันลงเหลือ 25 รอบสนาม และเพียงโค้งแรกของการแข่งขันก็เกือบจะมีดราม่า เมื่อสองนักแข่งที่ออกสตาร์ทแถวหน้าอย่าง MarcoBezzecchi ผู้คว้าตำแหน่ง Pile Position ของสนามและ Jorge Martin ที่ออกสตาร์ทเป็นอันดับที่ 2 เกือบจะปะทะกันในโค้ง จนทั้งสองต้องบังคับให้รถแข่งออกจากแทร็กไปยังพื้นที่ Run-Off ของสนาม ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ Francesco Bagnaia ที่ออกสตาร์ทเป็นอันดับที่ 3 ได้ทำระยะเข้าใกล้และจวนเจียนจะขึ้นนำได้สำเร็จ อีกทั้งยังมีการปะทะกันระหว่างนักแข่งหลายครั้ง โดยเฉพาะของ Aleix Espargaro ดาวบิดของทีม Aprilia ที่ปะทะกับ Brad Binder ดาวบิดของ KTM จนรายของ Binder หลุดออกจากแทร็กในโค้งที่ 3 ของสนาม รวมไปถึงความลื่นของสนามที่อยู่ในสภาพที่เปียกชุ่มหลังฝนตกอย่างหนัก ก็สร้างความลำบากในการทำความเร็วและควบคุมตัวรถแข่งเป็นอย่างมาก

ppQrHf.jpg

การแข่งขันอาจจะดูไม่รวดเร็วอย่างที่หวังไว้ แต่ก็เร้าใจไม่แตกต่างกับสภาพสนามที่แห้ง การแข่งขันเกิดพลิกล็อคอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อ Miguel Olivera ดาวบิดโปรตุกีสของ KTM ที่ออกสตาร์ทจากกริดที่ 11 ของสนาม ค่อยๆ แซงรถแข่งคันข้างหน้าและขึ้นมาเกาะกลุ่มนำได้ตั้งแต่รอบที่ 2 ของการแข่งขัน และสามารถขึ้นนำได้สำเร็จในรอบที่ 14 ของการแข่งขัน และนำแบบต่อเนื่องจนจบการแข่งขัน คว้าชัยชนะเป็นครั้งที่ 2 ของฤดูกาลนี้หลังจากทำสำเร็จครั้งแรกที่อินโดนีเซียเมื่อตอนต้นฤดูกาล อันดับที่ 2 เป็นผลงานยอดเยี่ยมแบบต่อเนื่องของ Hack Miller หลังจากที่คว้าชัยชนะที่ Motegi ประเทศญี่ปุ่น ก็มาคว้าอันดับที่ 2 อีกครั้งในสนามนี้ และปิดท้ายด้วยอันดับที่ 3 Francesco Bagnaia ที่คว้าไป 16 คะแนนสำคัญ ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้นำในตารางคะแนนสะสม มีช่องว่างเพียง 2 คะแนน ซึ่งอาจจะต้องตัดสินตำแหน่งแชมป์โลกกันถึงสนามสุดท้ายเลยก็เป็นไปได้

ppQnqb.jpg
ppQVgq.jpg
ppQH7a.jpg

การแข่งขันครั้งต่อไปจะย้ายไปแข่งกันที่ประเทศออสเตรเลีย กับรายการ Animoca Brands Australian Motorcycle Grand Prix ที่สนาม Phillip Island ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคมนี้ โดยตารางการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยจะเลื่อนขยับเวลาการซ้อมและแข่งขันจริงให้เร็วขึ้นกว่าปกติ และจะกลับมาแข่งขันกันต่อในสัปดาห์ถัดไปที่สนาม Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม และปิดฉากฤดูกาล 2022 ที่สนาม Circuit Ricardo Tormo ประเทศสเปนระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

blank