เจาะลึกรายละเอียด 2022 Ducati Scrambler 1100 Tribute Pro และ Scrambler 800 Urban Motard
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Scrambler ที่เปรียบเสมือนแบรนด์ย่อยที่แยกส่วนการทำตลาดจากแบรนด์หลักอย่าง Ducati นั้นมีการผลิตที่ยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1962 จนถึงล่าสุดในปี 2022 ทางบริษัทก็ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ต่อสินค้าที่ยอดเยี่ยมอย่างเจ้า 2022 Ducati Scrambler 1100 Tribute Pro และ Scrambler 800 Urban Motard ที่เราจะมาเจาะลึกไปถึงรายละเอียดที่น่าสนใจของทั้งสองโมเดล
2022 Ducati Scrambler 1100 Tribute Pro
ในปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ Scrambler จาก Ducati นั้นมีขนาดความจุเครื่องยนต์ให้เลือกกันถึง 3 ขนาด โดยจะเริ่มต้นที่รุ่นเล็กสุดที่มีขนาดความจุ 400 ซีซี ในรุ่น Sixty2 ที่เน้นการทำตลาดในละแวกโซนเอเชียและตะวันออกกลาง ขยับมาที่รุ่นกลางในพิกัด 800 ซีซี และรุ่นใหญ่ที่สุดในกลุ่ม 1,100 ซีซี ซึ่งในปี 2022 นี้ Ducati ได้ดึงเอาเอกลักษณ์จากรุ่นดั่งเดิมของตระกูลมาเป็นแกนหลักในการออกแบบ ที่ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัยไว้รวมกัน
โดยรุ่นใหม่ 2022 Ducati Scrambler 1100 Tribute Pro จะอิงการออกแบบมาจาก 250 Scrambler รุ่นดั้งเดิมในปี 1962 และ 750 Sport รุ่นแรก ด้วยการติดตั้งตราสัญลักษณ์ Ducati ที่ข้างถังน้ำมันที่เป็นการยกเอาตราในอดีตกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังมีการออกแบบชุดท่อไอเสียใหม่แบบปลายคู่วางซ้อนกัน ล้อซี่ลวด แฮนด์บาร์ใหม่ ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้เจ้า Scrambler คันใหม่นี้ มีขีดจำกัดในการข้ามผ่านเส้นทางที่มากกว่าเดิม
2022 Ducati Scrambler 1100 Tribute Pro มาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 1,079 ซีซี สองลูกสูบ Dwsmo L-Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผ่านมาตรฐาน EURO5 โดยใช้อัตราส่วนการอัด 11:1 ขนาดของ throttle body หรือเรือนเร่งปีกผีเสื้อจะมาพร้อมกับขนาด 55 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 85 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิด 65 Ib-Ft ที่ 4,750 รอบต่อนาที ทำให้เครื่องยนต์มีความยืดหยุ่นสูงและตอบสนองได้ดี
ท่อไอเสียแบบ 2-into-1-into-2 ประกอบด้วยท่อไอเสียคู่และตัวเร่งปฏิกริยา Catalytic Converters โครงสร้างหลักจะเป็นแบบ Steel-Tubing Trellis มีการวางองศาของ Rake ที่ 24.5 องศา และระยะ Trail ที่ 111 มิลลิเมตร ในขณะที่ระยะฐานล้อจะมีความยาว 59.6 นิ้ว ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบหัวกลับขนาด 45 มิลลิเมตร จากแบรนด์ Marzocchi ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบ Monoshock จากแบรนด์ Kayaba
ระบบเบรกนั้น ด้านหน้าจะมาพร้อมกับจานดิสก์คู่ขนาด 320 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 พอร์ต ด้านหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร ปั้มเบรกเดี่ยว โดยระบบเบรกทั้งหมดจะเป็นการติดตั้งด้วยอุปกรณ์ระดับสูงจาก Brembo ผนวกเข้ากับระบบความปลอดภัย ABS และ Cornering ABS จาก Bosch เสริมความมั่นใจด้วยยาง Pirelli MT 60 RS แบบเรเดียล ขนาด 120/70-18 และ 180/55-17
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ยังคงใช้งานแพ็กเกจที่ยอดเยี่ยมจาก Ducati โดยมีระบบ traction control โหมดการขับขี่ 3 โหมด Active, Journey และ City หน้าจอแสดงผลแบบ LCD ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ Ducati Multimedia System ให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยที่ตัวรถจะมีน้ำหนักตัวแบบแห้งที่ 194 กิโลกรัม และเบาะนั่งสูง 31.9 นิ้วทำให้บังคับทิศทางได้ง่ายที่ความเร็วต่ำ และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ที่มีสรีระที่ไม่ใหญ่มาก
2022 Ducati Scrambler 800 Urban Motard
800 Urban Motard ใหม่ได้รับการตั้งชื่ออย่างเหมาะสมว่าเป็น SuperMotard มากกว่า scrambler โดยมีงานออกแบบที่คล้ายคลึงกับเจ้า Scrambler Desert Sled ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่มีการเปลี่ยนรูปแบบของยางและสัดส่วนใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่เน้นการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและทางฝุ่น พร้อมกับความสามารถในการเข้าโค้งแบบ Power Slide
โดยเจ้า 2022 Ducati Scrambler 800 Urban Motard นั้นจะมาพร้อมกับขุมกำลัง 803 ซีซี L-Twin แบบ SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยมีขนาดกระบอกสูบ 88 มิลลิเมตร และช่วงชัก 66 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 73 แรงม้า (HP) ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 48.8 Ib-Ft ที่ 5,750 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัดสูง11:1 พร้อมกับเรือนปีกผีเสื้อขนาด 50 มิลลิเมตร
ระบบช่วงล่างจะมาพร้อมกับโซ้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มิลลิเมตร และ Monoshock ในด้านหลัง โดยจะเป็นอุปกรณ์จากแบรนด์ Kayasba ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นแบบดิสก์คู่ขนาด 330 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ 4 พอร์ต ด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร พร้อมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบลอยตัวและลูกสูบแบบแอ็คทีฟหนึ่งลูกสูบ จากแบรนด์ Brembo ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบ ABS และ Cornering ABS จาก Bosch
ในส่วนของอุปกรณ์และระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น แน่นอนว่า 2022 Ducati Scrambler 800 Urban Motard จะมาพร้อมกับระบบ Traction Control ระบบ Engine Brake Control และความสามารถในการเลือกใช้งานเปิดหรือปิดระบบนิรภัย ABS รวมไปถึงระบบช่วยเหลือต่างๆ ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แบบเพียวๆ โดยตัวรถจะมาพร้อมกับน้ำหนักตัวแบบแห้ง 180 กิโลกรัมที่จัดว่าเบามากๆ เมื่อเทียบกับตัวรถที่มีพิกัดเครื่องยนต์ขนาดไล่เลี่ยกัน
สำหรับทั้งสองรุ่นใหม่จาก Ducati นั้น จะมีการเปิดจำหน่ายในโซนยุโรปช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ส่วนประเทศไทยนั้นน่าจะมีการทำตลาดกันในช่วงกลางปี 2022 เป็นอย่างช้า สาวกของ Ducati Scrambler ในบ้านเราก็ตั้งตารอกันได้เลยครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก cycleworld.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.