ไม่มีหมวดหมู่

ก็ผ่านพ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการแข่งขันไอเดียในการตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์สุดมันส์ในช่วงต้นปีนี้ ที่เหล่าไบค์เกอร์ทั่วประเทศติดตามลุ้นและเชียร์กันอย่างมากมาย กับงาน Motorbike Idea Challenge 2016 ที่ทางฮอนด้าเป็นแม่งานในครั้งนี้

บอกเลยว่าความร้อนแรงของบิ๊กไบค์ค่ายใบพัดฟ้าขาวนี้ไม่ได้ทำให้ใครหลายๆ คนผิดหวังแต่อย่างใด เพราะเรียกว่ามีทีมงานที่ค่อยวิเคราะห์และทำการตลาดมาเป็นอย่างดี กับล่าสุดที่มีการเปิดตัวเจ้า BMW S1000RR 2016 ซึ่งเวอร์ชั่นนี้เป็นตัวบิ๊กไบค์ที่ผลิตในบ้านเราเอง บอกเลยว่าออฟชั่นต่างๆที่ให้มา ไม่ใช่ขี้ ๆ เพราะมันครบมากกับราคาที่เอื้อมกันถึง หรือใครที่พอจะมีเงินเหลือๆ ก็สอยมาได้ง่ายๆ แบบไม่น่าเกลียด

เนื่องจากมีหลายต่อหลายคนถามไถ่กันเข้ามา เกี่ยวกับความคืบหน้าของหนึ่งในรถที่ร้อนแรงที่สุดในรอบปี 2015 นนี้ นั่นก็คือ All New Honda CBR250-350RR รถในแนวสปอร์ตเรพลิก้า ที่มีสเปคใกล้เคียงกันกับในสนามแข่งนั่นเอง ไม่เพียงแต่ในบ้านเราเท่านั้น แต่ว่าสื่อทั่วโลกก็เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของโมเดลนี้อย่างใกล้ชิด

ตัวนี้อย่างที่บอกว่าจะมาพร้อมกับบล็อกเครื่องยนต์แบบสองไซส์ให้เลือก ตั้งแต่ 125 ซีซีและ 135 ซีซี แต่ถ้าให้แอดมินแนะนำ ไหนๆ ก็ไหนๆ จะซื้อกันแล้วก็จัดตัวเต็มไปเลยกับเจ้า Benelli Tornado T135 กันไปเลยโดยสำหรับบล็อคเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซีจะมีความจุของบล็อกเครื่องยนต์อยู่ที่ 124.8 ซีซี มีขนาดช่วงชักอยู่ที่ 54 x 54.5 มม. ให้อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 9.6:1 พร้อมให้พละกำลังแรงม้าอยู่ที่ 11.7 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที

สำหรับบล็อกเครื่องยนต์ของ Kawasaki Z125 คันนี้มาพร้อมด้วยความจุ 125 ซีซี SOHC (ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ) 2 วาล์ว บล็อกเครื่องยนต์เป็นแบบสูบนอน ให้พลังสูงสุดอยู่ที่ 9.5 แรงม้า ระยะช่วงชักของตัวกระบอกสูบอยู่ที่ 56.0 x 50.6 มม. อัตรากำลังอัดอยู่ที่ 9.8:1 มาพร้อมระบบเกียร์แบบ 4 สปีด พร้อมระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตัวนี้อัพเกรดมาให้เป็นแบบหัวฉีดกันแล้ว สำหรับการจัดวางบล็อกเครื่องยนต์นั้นถือว่ารอบนี้ทางค่ายยักษ์เขียวทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดี สังเกตดูจะเห็นว่ามีตัวท่อไอเสียที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านล่าง มีการปิดบังด้วยตัวอกไก่ นอกจากนี้ พักเท้า ก็ไม่ธรรมดานะคร๊าบ เพราะให้มาในรูปแบบของเกียร์โยงกันเลยทีเดียว ณ จุดนี้บอกเลยว่าหลายๆ คน

สำหรับบล็อกเครื่องยนต์เอง ก็ยกมาจากเจ้า R3 อีกเช่นกัน เป็นแบบเครื่องสองสูบเรียง 321 ซีซีที่ในครั้งนั้นกับเจ้า R3 เองบอกเลยว่าสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยในแวววงบิ๊กไบค์เพราะมีจำนวนซีซีที่มากกว่าค่ายคู่แข่งในเกือบๆ จะทุกค่าย เรียกว่าเปิดตัวท้าชนกันไป แต่กระนั้นก็ตาม ความชื่นชอบก็แล้วแต่ตัวบุคคลว่าใครจะชอบแบบไหนอย่างไร บางทีในครั้งของตัว R3 เองอาจจะยังไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เจอเจ้า MT-03 ไปอาจจะถูกใจใช่เลยเหมือนได้เจอเนื้อคู่เองก็เป็นได้

Yamaha YZF-R1 เลือกใช้เฟรมตัวถังทั้งหมดเป็นแบบ Alluminum Alloy – DeltaBox เพราะต้องการลดในเรื่องของน้ำหนัก พร้อมการปรับเปลี่ยนวัสดุช่วงท้ายของตัวเฟรมให้เป็นวัสดุ Magnesium Alloy อีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าทั้งความเบาที่จะได้มา แต่มันยังให้ความแข็งแรงทนทานอีกด้วยนะคร๊าบ สิ่งที่ตามมาหลักจากการลดน้ำหนักของมันก็ทำให้มันทำคะแนนได้ดีในเรื่องของน้ำหนักตัว เพราะว่าเจ้า Yamaha YZF-R1 สามารถทำน้ำหนักตัวให้เหลืออยู่ที่ 199 กิโลกรัมเท่านั้น

เรามาดูกันต่อในเรื่องของสมรรถนะและความปลอดภัยที่ทั้งสองค่ายจัดมาให้กันเลย
เริ่มกันที่บล็อคเครื่องยนต์ของเจ้า Yamaha YZF-R15 กันก่อน สำหรับเจ้าคันนี้จะมาพร้อมกับกระสอบสูบแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ DOHC พร้อมปริมาณความจุที่ 149 ซีซี ความพิเศษที่เหนือกว่าค่ายอื่นๆ ก็เห็นจะเป็นกระบอกสูบแบบ Diasil

ถัดมาต่อกันที่ตัวถังน้ำมัน ก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะมาพร้อมกับการทำสีใหม่หมดทั้งคัน แต่การทำสีก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดด้วยเช่นกันเพราะมีการพ่นด้วยสีดำ แต่แอบทำให้สีตกสะเก็ดนิดๆ ทำให้รถดูเหมือนเก่าๆ นิดๆ ผ่านเวลามาแล้วหลายปี เลื่อนออกไปอีกนิดสีของตัวถังน้ำมันทำออกมาแล้วมันรับกับตัวเบาะนั่งแบบยาวที่ทำฟองน้ำแบบเล่นคลื่นนิดๆ สีน้ำตาลตัดกับดำที่ตัวถังดูแล้วมันชั่งงามลงตัวจริงๆ

หลังจากตอนแรกของ 10 มอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยม…

เริ่มกันที่เจ้า Yamaha NMax กันก่อนที่ก็เลือกใช้ขุมพลังแบบ Blue Core ที่สามารถตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้ชีวิตในแบบปัจจุบัน บล็อคเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ SOHC สูบเดี่ยว 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเทคโนโลยี VVA โดยมีปริมาตรกระบอกสูบ 155 ซีซี

มาถึงคิวของสุดยอดรถซุปเปอร์ไบค์จากแดนมะกะโรนีอีกค่ายอย่างเจ้า MV Agusta ที่ชูจุดขายด้วยงานประกอบแบบแฮนด์เมดทั้งคัน กับเครื่องยนต์แบบ F4 อันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย ที่ทำให้ซีรี่ยส์ F4, F4R, F4RR and F4RC นั้นรีดแรงม้าออกมาได้มากถึง 197.1bhp ที่ 13,600rpm โดยที่เครื่องยนต์ของมันนั้นมีขนาดแค่ 998cc เท่านั้น นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมในทางยานยนต์สองล้อเลยทีเดียว

มาต่อกันต่อเลยกับสำนักแต่งระดับเทพ ของเมืองไทยสำนักที่ 3 กับผลงานการตกแต่งเจ้า GPX Demon คันนี้ที่ดูเรียบหรูสะอาดตา แต่แฝงซึ่งอุปกรณ์ตกแต่งระดับเทพๆ เต็มคัน ไม่ใช่ใครที่ไหนจากสำนักแต่ง LMC Racing ที่ให้ชื่อเจ้าคันนี้ว่า ขาวสวยดุ…มีระดับ โดยเจ้าคันนี้ถือว่าเป็นเจ้ารถมินิไบค์สุดฮิตที่ได้รับการตกแต่งตามกระแสและความชื่นชอบของผู้ที่มีศิลปะการตกแต่งตามแบบรถต้นฉบับ แต่สีสันลายเส้นจะเน้นไปที่ความเรียบง่ายและดูสะอาดๆ โดยตัวรถเอง ก็จะเลือกสาดสี เป็นสีขาวมุก คาดกับสีแดง ตัวชิลล์หน้าเป็นแบบทรงยอดฮิตสีรุ้งตามแบบฉบับของเจ้ารถบิ๊กไบค์ Monster ที่นิยมตกแต่งกัน ถัดลงไปล่างสุดที่ตำแหน่งฝาครอบเครื่องยนต์นั้นจะเห็นมี

ว่ากันแล้วก็ไปไฟท์กันกับทั้งสองค่าย กับสองรุ่นยอดฮิตนี้กันเลยดีกว่า
ในเรื่องของดีไซน์ทั้งสองค่ายมีดีไซน์ที่แตกต่างกัน แต่ด้วยความเป็นมินิสปอร์ตไบค์เหมือนกัน ในเรื่องของภาษี ต้องบอกว่าทางค่ายปีกนกอย่างฮอนด้าเหนือกว่า แต่ก็ใช่ว่าทางนี้จะสู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ตัวไฟหน้าที่ให้มาแบบทรงกลมขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับทางค่ายปีกนก ที่ก็ให้มาพร้อมฟิลลิ่งความรู้สึกเหมือน Racing นิดๆ เพราะตัวโคมจะรมดำนิดๆ ให้มาแล้วด้วย ถัดมาจะเป็นในเรื่องของแฮนด์บาร์ที่ทั้งสองค่ายก็ไม่ได้ละเลย

อีกหนึ่งจุดเด่นนั้นของรถคันนี้ก็คือตัวท่อไอเสีย ซึ่งมีความใหญ่ เจ้า KTM 690 smc r (เคทีเอ็ม 690 เอสเอ็มซี อาร์) มันได้ DNA มาจากบิ๊กไบค์ KTM แนวแอดแวนเจอร์ พร้อมการยกสูงในแนวระดับเดียวกันกับตัวเบาะเลยก็ว่าได้ ส่วนปั้นท้ายนั้นก็เรียกว่าออกแบบเอาใจวัยรุ่นขาโจ๋ที่เป็นท้ายสั้นแบบยกสูง

เจ้า Indian Roadmaster คันนี้มาพร้อมกับบล็อกเครื่องยนต์ ขนาด 1811 ซีซี ให้อัตรากำลังแรงม้าสูงสุดที่ 110 แรงม้า พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่อัดแน่อยู่ในตัวรถ ทำให้มันได้เป็นหนึ่งในรถช็อปเปอร์แนวทัวร์ริ่งที่น่าจะครอบครองไว้มากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้

สำหรับตัวเบาะนั่งนั้น เนื่องจากมันเป็นรถออกแนว Racing นิดๆ จึงทำให้เจ้า KTM DUKE 690 สามารถที่จะนั่งขับขี่ได้เพียง 1 ท่านเท่านั้นแต่ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับไบค์เกอร์ท่านใดที่ชื่นชอบความเร็ว ความแรงมันตอบโจทย์ท่านได้เป็นอย่างดีแน่ๆ สำหรับด้านท้ายของเจ้า KTM DUKE 690 คันนี้

สัมผัสฟิลลิ่งการขับขี่ของเจ้า Suzuki GSX…

ถ้าจะมองถึงภาพรวมและหน้าตาของ Royal Enfield Continental GT เรียกได้ว่าถอดแบบของรถดังๆ ในอดีตมาได้ใกล้เคียงทีเดียว รถสไตล์ “คาเฟร์ เรเซอร์” คันนี้ยังคงเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลาย เบาะตูดมด กับตัวถังน้ำมันที่ยืดความยาว ฝาถังเป็นแบบป๊อปอัพ บาร์แบบหมอบ ซึ่งเป็น “Monza Style” ที่ได้รับคามนิยมในทุกยุค ทุกสมัย Royal Enfield Continental GT