Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

เผยโฉม Honda CBR250RR 2019

cbr250rr

สดๆ ร้อนๆ กันไปกับการเผยโฉม Honda CBR250RR 2019 ในรูปแบบของ HRC color ที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบูธของ Honda ในงานแข่งขัน MotoGP สุดสัปดาห์นี้ที่สนาม Twin Ring Motegi ประเทศญี่ปุ่น และนับได้ว่าตั้งแต่มันมีการเปิดตัวกันมาในปี 2017 ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการใช้โทนสีแบบ tricolor (สามสี แดง น้ำเงิน ขาว) อันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย Honda นั่นเอง

ซึ่งหากว่าได้ติดตามรถจากทางค่ายปีกนกกันมานั้น ก็จะทราบดีว่าโทนสีนี้มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับรถในทรงสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งอย่างนี้ และมันก็เป็นสีประจำทีมของทีมแข่ง HRC (Honda Racing Corporation) ที่ถือว่าออกแบบได้สวยงามลงตัว ทำให้เจ้า CBR250RR นั้นดูแปลกตาไปมากกว่าเดิม แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นลวดลายของตัวรถ ที่ทางทีมแข่งนั้นจะใช้แข่งขันในปี 2019 นี้ด้วย ซึ่งครั้งนี้เป็นการออกแบบลวดลายของตัวรถโดยตรงจากทางฝั่งญี่ปุ่น
kvxcut.jpg

โดยสเปกของ CBR250RR 2019 นั้นยังคงเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิมแบบ DOHC 4 จังหวะ 8 วาว์ล ขนาด 249.7 cc แบบ 2 สูบเรียง มีขนาดกระบอกสูบเท่ากับ 62.3 mm และช่วงชัก 41.4 mm อัตราส่วนแรงอัดเท่ากับ 11.5:1 โดยที่รอบสูงสุดของตัวเครื่องยนต์นั้นจะอยู่ที่ 16,000 รอบต่อนาที และที่สำคัญ Red Line อยู่ที่ 14,000 รอบต่อนาที เรียกได้ว่าจัดจ้านเอามากๆ สมกับรหัส RR ตัวเครื่องยนต์นั้นจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ที่เป็นเอกสิทธิ์ของทาง Honda ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำและพัดลมอัตโนมัติ ในส่วนของทอร์คและแรงม้าสูงสุดนั้นยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาในขณะนี้ ตัวรถขับเคื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีดแบบ 1-N-2-3-4-5-6 สตาร์ทมือไฟฟ้า คลัทช์เป็นแบบเปียกทำงานร่วมกับคอยล์สปริง ในส่วนของน้ำมันเครื่องนั้นมีความจุอยู่ที่ 1.9 ลิตรด้วยกัน โช้คอัพด้านหน้านั้นใช้แบบหัวกลับ (Upside Down) ส่วนด้านหลังเป็นแบบอลูมิเนียมบานาน่าสวิงอาร์ม Pro-Link ที่สามารถปรับระดับได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน ระบบเบรกนั้นด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบไฮดรอลิก 2 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นแบบไฮดรอลิก 1 ลูกสูบ และสเปคของยางรถนั้นด้านหน้ามีขนาด 110 / 70-17 54s (tubeless) และด้านหลังมีขนาด 140 / 70-17 66s (tubeless) และมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกกันอยู่ 3 โหมดด้วยกันคือ Comfort, Sport และ Sport + โดยที่โหมด Comfort นั้นกำลังของตัวรถจะถูกดรอปลงมา ในขณะที่โหมด Sport และ Sport + จะเปิดกำลังให้มากที่สุดตามประสิทธิภาพของตัวรถเลย เพียงแต่ว่าโหมด Sport นั้นจะมีการไต่ความเร็วที่ราบลื่นนุ่มนวลกว่า แต่ Sport + จะอัดกันเต็มกำลังในแต่ละเกียร์เลย ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่นุ่มนวลเท่าไหร่ แต่รับรองว่าฟีลลิ่งแบบรถที่แข่งกันในสนามมาเต็มอย่างแน่นอน
kvxZiP.jpg

จากที่มีการเช็คข้อมูลเบื้องต้น ก็จะยังคงเป็นโมเดลที่วางขายกันในบางประเทศอย่างญี่ปุ่นและอินโดนีเซียกันก่อน ยังไม่มีการขยับเป็นโกบอลโมเดลแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้เรายังไม่อาจทราบได้ว่าเพราะสาเหตุใดกันแน่ ดังนั้นแล้วสำหรับคนที่ชื่นชอบเจ้า CBR250RR กันจริงๆ ในบ้านเราก็ไปรอลุ้น All New CBR500R กันดีกว่า ที่คาดว่าจะเปิดตัวกันปลายปีนี้

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก https://young-machine.com/