Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

ที่สุดของรถผจญภัย! เผยรายละเอียดและราคาของ Honda Africa Twin – Adventure Sports ปี 2020!!!

cblPm1.jpg
Honda นั้นตั้งความหวังไว้อย่างมากกับรถแอดเวอรเจอร์ทัวริ่งรุ่นใหญ่ของทางค่ายที่ได้เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้วกับ All-New CRF1100L Africa Twin 2020 ซึ่งโมเดลใหม่นี้ได้เผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยทาง Honda ไม่เพียงแค่ปรับปรุงโมเดลนี้ให้มีพละกำลังมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5 และยังมีการเพิ่มรุ่นย่อยออกมาเป็น 4 รุ่น คือ Africa Twin รุ่น Standard ที่มี และ ไม่มี DCT กับ Africa Twin Adventure Sports ที่มี และ ไม่มี DCT เราลองมาดูรายละเอียดความเปลี่ยนแปลงกันเลยครับ!

Honda ได้ปลุกชีพโมเดลนี้กลับมาจากอดีตได้สำเร็จในปี 2016 หลังจากห่างหายการพัฒนามาหลายสิบปี ของรุ่น 750 cc. โดยมันได้กลับมาสร้างสีสันให้กับวงการรถแอดเวนเจอร์ในเครื่องยนต์ลูกใหม่ขนาดเต็มลิตร หรือ 1000 cc. ที่ให้พลังแรงม้าแรงบิด ที่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงน้ำหนักด้วย แต่นั่นก็เป็นการทำให้รถในตำนานการแข่ง Paris-Dakar กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งจากปลายยุค 80

cblAP2.jpg

หลังจากสามปีที่รุ่นนี้สามารถไปได้สวยในตลาดโลก เจ้า Africa Twin ยุคใหม่นี้ก็ต้องเผชิญความท้าทายใหม่นั้นก็คือ การเพิ่มมาตรฐานค่าไอเสียที่สูงขึ้นจากกฎหมายใหม่ในยุโรป ส่งผลให้รุ่นนี้ต้องถูกตีกลับไปออกแบบกันใหม่ จนทำให้เกิดกระแสข่าวลือขึ้นว่า Honda จะขยายขนาดเครื่องยนต์เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียกำลังเครื่องไปจากมาตรฐานไอเสียใหม่ที่เข้มงวดนี้ ซึ่งเรื่องนี้เริ่มถูกพูดคุยกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และในท้ายที่สุดข่าวลือนี้ก็เป็นจริงตามความคาดหมายในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยการที่ Honda ยุโรปได้เปิดตัว Africa Twin และ Africa Twin Adventure Sports สองโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ สองสูบ 1084 cc. ที่ช่วยเพิ่มแรงม้าขึ้นมาเป็น 101 แรงม้า และเพิ่มแรงบิดเป็น 104 นิวตันเมตร (Nm) พร้อมกับระบบ Dual Clutch Transmission ที่เป็นจุดเด่น

cblCbD.jpg

เมื่อดูรูปโฉมโดยรวมแล้ว เรียกได้ว่ามันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดูโดดไปจากรุ่นก่อนมากมายนัก โดยเราจะยังสามารถจำได้ว่ามันคือ Africa Twin เพราะในส่วนของแฟริ่งหน้านั้นได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย เพื่อให้รับกับไฟหน้าชุดใหม่ที่มีปรับตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิม และได้รับการปรับปรุงแผงกันกระแทกท่อไอเสียขนาดให้มีใหญ่ขึ้น

cbl23y.jpg

ในส่วนของช่วงล่างก็มีการปรับให้แข็งตึงขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทางออฟโร้ด ซับเฟรมใหม่ใช้พิ้นฐานจาก CRF450R ที่ได้ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะ และลดแรงกระแทก ในขณะที่ตัวเครื่องยนต์ได้มีการเพิ่มปริมาตรขึ้นมา แต่กลับมีขนาดเล็กลง โดยใน Africa Twin รุ่นธรรมดานั้นมีน้ำหนักเพียงแค่ 498 lbs หรือประมาณ 226 กิโลกรัม และรุ่น Adventure Sports มีน้ำหนัก 530 lbs หรือประมาณ 240 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบาลงกว่าโมเดลเดิมเล็กน้อยประมาณ 3 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเพราะอุปกรณ์ต่างๆของรถนั้นมีน้ำหนักเบาลง เช่น โครงสร้างช่วงล่าง ซับเฟรม ชุดเกียร์ สวิงอาร์ม และอื่นๆ

cboS9v.jpg

ระบบกันสะเทือนของรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ยังเหมือนกันในรุ่นธรรมดา โดยจะใช่โช๊คหน้าหัวกลับ Up-Side Down ของ Showa ขนาด 45 mm. มีระยะยุบตัว 230 mm และโช๊คหลังแก๊ส ที่มีระยะยุบตัวที่ 220 mm ติดตั้งบนสวิงอาร์มแบบ Pro-Link ส่วนสำหรับรุ่น Adventure Sports รุ่นใหม่ก็ต้องมาพร้อมกับของเล่นใหม่ โดยได้เพิ่มสเปคเป็นโช๊คไฟฟ้าเข้ามาแทน โดยจะมีระบบ Electronically Equipped Ride Adjustment หรือ EERA ที่สามารถช่วยปรับระดับความแข็งของโช๊คได้แบบอัตโนมัติ ตามสภาพของถนน

ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับดิสก์หน้าเบรกคู่ขนาด 310 mm 4 พอร์ต และดิสกเบรกหลังขนาด 256 mm 1 พอร์ต และมีระบบเบรก ABS เป็นมาตรฐาน

ในโมเดลใหม่นี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด ซึ่งสามารถจะช่วยปรับเซตรถให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น โหมดขับขี่ทางไกล โหมดขับขี่ในเมือง โหมดขับขี่ทางกรวด โหมดขับขี่ทางออฟโร้ด และ อีกสองโหมดแบบปรับเองตามความต้องการของผู้ใช้ โดยโมเดลนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยใหม่คือ ระบบป้องกันล้อยก หรือ Wheelie Control ที่จะช่วยให้ล้อทั้งสองติดกับพื้นอย่างปลอดภัยอยู่เสมอ

cblodg.jpg

เมื่อลองพิจารณาแล้ว รุ่น Adventure Sports ถูกออกแบบมาให้พาชื่อของ Africa Twin ก้าวล้ำไปอีกหนึ่งขั้น ด้วยการติดเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆมากมาย โดยเริ่มจาก ถังน้ำมันที่ใหญ่ขึ้น จากเดิม 19 ลิตร เป็น 24.6 ลิตร อีกทั้งรุ่นท๊อปคันนี้ยังมีการใช้แฟริ่งที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดา โดยมีการปรับให้มันรับกับชุดไฟหน้าที่สูงกว่าและกว้างกว่า อีกทั้งยังต้องรองรับกับชิลด์บังลมที่ใหญ่กว่าอีกด้วย โดยมันยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆมาให้อย่างครบครัน เช่น กระเป๋าสัมภาระ ช่องจ่ายไฟฟ้า  heat grips ช่วยอุ่นมือจากความหนาวเย็น เป็นต้น

cblDZW.jpg

หน้าจอแสดงผลสี แบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว สามารถใช้ควบคุมการทำงานทั้งหมดของรถ โดยมันสามารถรองรับระบบ Apple Car Play และ Android Auto ได้ สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และมีการใส่ระบบที่โดดเด่นอย่าง Cruise control ที่สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าบ้างในการขับขี่ทางไกล โดยทาง Honda ยังมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกติดตั้งได้อีกหลายอย่างเช่น โครงเหล็กกันกระแทก, ครอบหม้อน้ำอลูมิเนียม, กระเป๋ากันน้ำอย่างดี เป็นต้น

cblup9.jpg

โดยราคาของ Honda Africa Twin 2020 ทั้ง 4 รุ่นนั้น คาดว่าจะว่าจำหน่ายได้ช่วงต้นปี 2020 โดยมีราคาดังนี้

Africa Twin: $14,399 หรือประมาณ 440,000 บาท

Africa Twin DCT: $15,199 หรือประมาณ 465,000 บาท

Africa Twin Adventure Sports ES: $17,199 หรือประมาณ 525,000 บาท

Africa Twin Adventure Sports ES DCT: $17,999 หรือประมาณ 550,000 บาท

(อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2562 ยังไม่รวมค่าขนส่ง และภาษีนำเข้า และอากรต่างๆ)

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก www.rideapart.com