สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (CIC)
ต้องบอกว่าเป็น หนึ่งในสนามที่ได้มาตรฐาน และสวยที่สุดในเมืองไทย ณ ตอนนี้กันเลยทีเดียว นั่นก็คือ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (CIC) ที่ใช้งบประมาณก่อสร้าง กว่า 2,000 ล้านบาท โดยสนามตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร นับแบบทิศทางการวิ่งตามเข็มนาฬิกา ประกอบด้วยจำนวนโค้งทั้งสิ้น 12 โค้ง จำนวนโค้งขวา 7 โค้ง โค้งซ้าย จำนวน 5 โค้ง โดยในสนามแห่งนี้จุดผู้ชมได้ถึง 50,000 คน จุดเด่นของสนามคือ ผู้ชมสามารถมองเห็นได้ทุกสัดทุกส่วนของแทร็กเลยก็ว่าได้ เมื่อยู่บนแกรนด์สแตนต์ ทำให้เพิ่มอรรถรสในการชมกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้มากขึ้น โดยไฮไลต์ของแทร็กมีอยู่ 5 จุด นั่นก็คือ ทางตรงยาวด้วยระยะทางถึง 1 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วสำหรับรถระดับทัวริ่งคาร์ได้ถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกันเลยทีเดียว และสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ ซูเปอร์ไบค์นั้น ทำความเร็วได้ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจุดนี้ถึงเป็นจุดที่ท้าทายนักขับในการหาจุดเบรกในการแซง
เรามาต่อกันที่โค้งที่ 4 เป็นโค้งซ้ายที่มีความเร็วสูงที่นักขับสามารถเข้าโค้งได้ด้วยความเร็วในระดับถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะเดียวกันก็จะต้องต่อสู้กับแรงเหวี่ยงมหาศาลในโค้งนี้ ตามมาด้วยโค้งที่ 7 เป็นโค้งหักขวา ที่ 70 องศาที่ฝังอยู่ด้วยโค้งเล็กๆ อีก 2 โค้งในจุดนี้และถือว่าเป็นอีกหนึ่งโค้งที่มีควมเร็วสูงได้ของ CIC ซึ่งรถแข่งระดับทัวริ่งคาร์และมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์นั้น สามารถรักษาระดับความเร็วในระดับ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงการออกตัวจากโค้งที่ 7 นี้ จะมีความต่อเนื่องกันไปจนถึงโค้งที่ 9 และโค้งที่ 10 โดยนักขับขี่ต้องใช้ไหวพริบในการขับจุดนี้ค่อนข้างมาก เพื่อให้มีความต่อเนื่องไปยังโค้ง 12 โค้งแฮร์พิน หรือโค้งยูเทิร์นหักศอกขวา ที่ 126 องศ ถือว่าจุดนี้เป็นไฮไลด์ของ CIC สำหรับการแซงโดยนักแข่งสามารถเลือกเรซซิ่งไลน์ของตัวเองได้ตามความเหมาะสมและตามทักษะความสามารถของแต่ละคนในจังหวะของการแซงนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีพิตระดับมาตรฐานระดับ F-1 ระดับโลก ถึง 30 พิต ที่รองรับความต้องการด้านการทำงานของทีมแข่งทุกระดับโดยบริเวณด้านบนพิตจะถูกสร้างเป็นแพ็ดค็อก สำหรับกลุ่มผู้ชมมอเตอร์สปอร์ตระดับ VIP กันเลยรวมไปถึงชั้นบนสุดที่ถูกสร้างเป็นสแตนด์อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้แฟนๆ ชาวมอเตอร์สปอร์ต ได้สัมผัสการทำงานของทีมการแข่งขันอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว และภายใต้การก่อสร้งแบบเต็มกำลัง CIC จะถูกเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 – 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการแข่งขันรายการระดับโลกรายการแรกในเมืองไทยกันไปอย่าง Super GT ที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวญี่ปุ่น รวมถึงมีการติดตามจากแฟนทั่วโลกนับล้านจากการถ่ายทอดสด โดย CIC ได้ทำการเซ็นสัญญากับ GTA เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขับ Super GT ด้วยสัญญา 2 ปี 2014-2015 นับว่าเป็นการเรียกกระแสที่ร้อนแรงมากให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยให้รู้สึก ตื่นตัวและภูมิใจมากที่เมืองไทยเรามีสนามแข่งขันมาตรฐานระดับโลกที่ นาน ๆ ชาติให้การยอมรับ และที่สำคัญ ทำให้ได้มีชื่อของ CIC ลงไปในปฎิทินการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกเข้าไปอยู่ด้วยนั่นเอง
ในขณะที่ Super GT นั้นจะมีรูปแบบการแข่งขันแบบมาราธอนในระยะทางที่เป็นตัวกำหนด และในแต่ละเรซนั้นจะดวลกันด้วยความเร็วทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 300 -500 กิโลเมตร ซึ่งการแข่งขันที่จะมีขึ้นที่ CIC นั้นใช้ชื่อรายการว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์ จีที นับว่าเป็นการเก็บคะแนนสะสมจากสนามที่ 7 และ 8 ในฤดูกาล 2014 ซึ่งในปีนี้ไทยถือเป็นชาติเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในเป็นเจ้าภาพสำหรับสนามที่ใช้ในการแข่งขันของรายการญี่ปุ่นนอกประเทศ
สำหรับกติกาของ Super GT แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่น นั่นก็คือ GT 300 และ GT 500 ซึ่งจะเป็นการแข่งขันระหว่างค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นและรถโซนยุโรป เช่น Honda NSX, Lexus LF-CC Nissan GT-R Ferrari Lamborghini Porsche Audi BMW และSuper Car ดังๆ อีกหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ในส่วนของความพร้อมด้านความปลอดภัย CIC ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่จะมาเป็นส่วนในในผู้ร่วมการสนับสนุนการแข่งขัน บุรีรัมย์ Super GT 2014 โดยจะเข้ามาเป็นผู้ดูแลเรื่องของการรักษาพยาบาลและอุบัติเหตุจากเหตุการร์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ของการแข่งขัน ในขณะเดียวกัน ยังจัดอบรมติวเข้มกรรมการภาคสนามขั้นพื้นฐาน สำหรับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่มีความเร็วมากกว่า 300 คน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้เป็นการสร้างและผลักดันให้บุคลากรมอเตอร์ไซต์ชาวไทย เพื่อรองรับการแข่งขันระดับโลกรายการอื่นๆ
สำหรับสนามช้าง ก็ยังมีคิวรอรับการแข่งขันในระดับอาเซียนอีกหลายรายการในช่วงปลายปี เช่น เอเชียน เลอ มังส์ ซีรีส์ 2014, ทัวริ่งคาร์ ซีรีส์ อิน เอเชีย รวมถึงรายการจักรยานยนต์อย่าง เอเชีย โรด เรซซิ่ง ด้วย ส่วนรายการแข่งขันในเมืองไทย ก็มีรายการชั้นนำอย่าง ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์, โปร เรซซิ่ง ซีรีส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ, ทรูวิชั่นส์ บ็อบบี้ ฮันเตอร์ ซูเปอร์วัน เรซ, โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต และอีกหลายรายการที่จ่อคิวเข้าร่วมการแข่งขันที่แทร็กระดับโลกของเมืองไทย
ต้องบอกว่า เมืองไทยเรามีสนามแข่งรถ สำหรับวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกให้ชาวไทยได้มีความภาคภูมิใจ ที่จะได้ดึงดูดแฟนๆ ชาวมอเตอร์สปอร์ต ต่างประเทศ หลากหลายประเทศเข้ามาทำการแข่งขันและจารึกหน้าประวัติศาสตร์ไว้ ว่าเมืองไทย ก็ทำได้ ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ขอขอบคุณภาพประกอบ : manager.co.th