Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

รีวิว 2017 BMW S1000RR (Specs Review)

2017-BMW-S1000RR1-small

หากจะพูดถึงมอเตอร์ไซค์ในระดับซุปเปอร์สปอร์ตสักคัน เจ้าฉลามบกจากค่ายกังหันสีน้ำเงินดูเหมือนจะผุดมาเป็นอันดับต้นๆ

ด้วยรูปทรงที่ดุดัน ผนวกกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด สิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของ BMW Motorrad    S 1000 RR  2017 ที่ได้รับการพัฒนารูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง

New BMW S 1000 RR  รุ่นซูเปอร์สปอร์ตที่สมบูรณ์แบบได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม นับตั้งแต่ BMW Motorrad เปิดตัว 1000 RR ซูเปอร์สปอร์ต 4 สูบ คันแรกที่ผลิตโดย BMW ในปี 2009  และทำการตลาดมาอย่างยาวนาน การพัฒนาที่สอดคล้องและต่อเนื่องได้ส่งผลให้เจ้า  S 1000 RR ครองตำแหน่งในหมู่ Superbikes ที่มีการขับขี่ได้จริงบนท้องถนน สำหรับรุ่นปี 2017 มันเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะตอกย้ำความสำเร็จนี้

ในสายการผลิตเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงแบบ DOHC 999 ซีซี ได้ถูกปรับให้ได้มาตราฐาน EU4 ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ อัตราส่วนกำลังอัด อยู่ที่ 13.0:1 กำลังสูงสุดที่ 146 กิโลวัตต์ (199 แรงม้า) ที่ 13,500 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร และด้วยการออกแบบเตรื่องยนต์แบบใหม่ทำให้เจ้า New RR สามารถเพิ่มแรงบิดขึ้นไปได้อีก

blank

โครงสร้างเป็นอลูมิเนียมผสมแบบ bridge frame ระบบกันสะเทือน ล้อหน้าแบบ telescopic USD เส้นผ่าศูนย์กลาง 46 มม. สามารถปรับระดับการยุบตัวและคืนตัวได้ ล้อหลังเป็นอลูมิเนียมสวิงอาร์มคู่ทำงานร่วมกับ spring preload ซี่งปรับระดับการยุบตัวและคืนตัวได้เช่นเดียวกับล้อหน้า วงล้อแบบ Die-cast aluminum ล้อหน้าขนาด 3.50 x 17″ ล้อหลังขนาด 6.00 x 17″ ขนาดของยางอยู่ที่ ยางหน้า 120/70 -17 ยางหลัง 190/55 -17  มิติรถโดยรวม ยาว 81″  ความกว้างรวมกระจกมองหลัง อยู่ที่  32.5″  ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่งอยู่ที่  32.1″

มีโหมดให้เลือกใช้งานได้ 3 โหมด “Rain” “Sport” และ “Race”โดยมี ABS และ DTC หรือ Dynamic Traction Control เป็นระบบมาตรฐาน และระบบ banking sensor ที่สามารถปรับได้ถึง 7 ระดับ เพื่อศักยภาพที่สูงสุดในความปลอดภัยขณะขับขี่

และยังมีโหมดเสริมที่ติดตั้งเพิ่มได่อย่าง “Ride Modes Pro” ซึ่งประกอบด้วย “Slick” and “User”, Launch Control, Pit Lane Limiter และ ABS Pro ทำให้เพิ่มความสนุกในการขับขี่ยิ่งขึ้นไปอีก

โดยทาง BMW เลือกสีให้เจ้า S1000RR ยังคงอยู่ในรูปแบบโทนสีรถแข่ง ซึ่งประกอบด้วย Red non-metallic/Light White non-metallic และ BMW Motorsport ( (Lupine Blue metallic/Light White non-metallic/Racing Red non-metallic )

นอกจากนี้ยังมีเป็นโทนสีใหม่ Granite Grey metallic/Black Storm metallic ที่ทำให้เจ้า S 1000 RR มีความดุดันเพิ่มขึ้นไปอีก

blank

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.totalmotorcycle.com